129 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
รับมืออย่างไรกับ Silent Treatment?
Silent Treatment คือการที่ใครบางคนปฎิเสธที่จะสื่อสารอาจเพราะไม่พอใจ โกรธหรือไม่เห็นด้วยกับอะไรบางอย่างจึงตอบสนองด้วยพฤติกรรมเงียบ ไม่ตอบ หรือเมินเฉย
Silent Treatment ตามหลักจิตวิทยาคือการทอดทิ้ง ถือเป็นพฤติกรรมในเชิงลบ เป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติกรรมที่ขาดทักษะการสื่อสาร และเป็นการทำร้ายทางจิตใจผู้อื่น เป็นการกระทำรุนแรงต่อผู้อื่นที่มองไม่เห็น ทำให้อีกฝ่ายเกิดความวิตกกังวล สับสนและเจ็บปวด หากเราตั้งใจพูดคุยสนทนากับใครแล้วอีกฝ่ายตอบกลับด้วยการแสดงพฤติกรรมเงียบใส่ ย่อมทำให้เราเกิดความอับอายและเสียหน้า ถือเป็นการทำร้ายจิตใจที่รุนแรง และหากการแสดงพฤติกรรมนี้มีความจงใจ ก็อาจมีจุดประสงค์เพื่อต้องการทำให้เราเจ็บปวด พยายามแสดงตัวว่าอยู่เหนือกว่าหรือต้องการควบคุมจิตใจ
ดังนั้น หากเราเคยใช้ Silent treatment สิ่งที่ควรทำคือควรหยุดพฤติกรรมนี้ และหากทำโดยไม่ได้ตั้งใจควรอธิบายว่าทำไมถึงมีพฤติกรรมเงียบไปไม่ตอบสนองหรือเผิกเฉย และควรกล่าวคำขอโทษต่อการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการตีความและเข้าใจผิด และควรกลับมาสื่อสารให้เป็นปกติดังเดิม
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะใช้พฤติกรรม silent treatment (การเงียบเฉย) เราควรฝึกฝนทักษะการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง ไม่พอใจ และควรหาวิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเองเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด เวลาเจอการสนทนาที่สร้างความวิตกกังวล เครียด ไม่สบายใจ หากพบว่าไม่สามารถจัดการกับภาวะอารมณ์หรือไม่มีทักษะการสื่อสารที่ดีเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พอใจควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเพื่อรับแนวทางแก้ไขให้ถูกต้อง และเพื่อรักษาสัมพันธภาพกับคนรอบข้างไม่ให้เกิดปัญหาอีกในอนาคต
ทำไมบางคนใช้ Silent treatment?
การใช้ Silent treatment ในแต่ละคนมักมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม silent treatment ส่งผลกระทบด้านลบต่อความสัมพันธ์ Silent treatment สร้างความเจ็บปวด ความเครียด ความกังวลสับสนให้กับผู้ถูกกระทำ มนุษย์เราโหยหาการเชื่อมโยงกับผู้อื่น ต้องการความอบอุ่นสบายใจที่จะสื่อสารและพูดคุยแสดงออกทางความคิดเห็นเพื่อการเชื่อมโยงและสนับสนุนทางสังคม แต่ Silent treatment เป็นการตัดขาดการเชื่อมต่อด้านภาวะทางอารมณ์ ทำให้ถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยว
การจงใจใช้ Silent treatment ผู้กระทำมีความต้องการให้ผู้ถูกกระทำเกิดความเจ็บปวด เกิดภาวะขาดความมั่นใจ ทำให้ต้องคอยระมัดระวังการพูดหรือสื่อสารอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ถูกกระทำเกิดความสับสนและขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง Silent treatment เป็นการลงโทษรุนแรงที่มองไม่เห็นและเป็นการทำร้ายจิตใจผู้อื่น
เหตุผลที่บางคนใช้ Silent treatment อาจมีดังนี้?
1. เพื่อควบคุมจิตใจ
Silent treatment ไม่ใช่เพียงแค่ความเงียบแต่การปฏิเสธที่จะสื่อสาร อาจมีจุดประสงค์เพื่อต้องการให้อีกฝ่ายเกิดความวิตกกังวล เครียดและหมดหวัง
2. เพื่อเลี่ยงความขัดแย้ง
บางคนใช้การเงียบเฉยมากกว่าจะอธิบายและชี้แจงเหตุผลที่สำคัญและจำเป็น
3. เพื่อสั่งสอน
การเงียบไม่ตอบสนองเป็นการลงโทษเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายและไร้ค่า
4. มีภาวะทางจิตใจไม่ปกติ
บางคนไม่สามารถจัดการกับภาวะอารมณ์เครียด สับสนและวิตกกังวลของตัวเองได้เลยใช้วิธีเงียบและไม่อธิบาย
Silent treatment การใช้ความเงียบถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่มีปัญหาและไม่ปกติ เป็นการควบคุมด้านจิตใจ เป็นการทำโทษ เป็นการทำร้ายจิตใจ เมื่อเราถูกกระทำโดยใช้ Silent treatment ควรปกป้องตัวเองด้วยการสร้างระยะห่าง สื่อสารออกไปให้ชัดเจนว่าอะไรที่ยอมรับได้และยอมรับไม่ได้ และควรมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
ผลกระทบด้านสุขภาพจิตหากถูกกระทำด้วย Silent treatment มีอะไรบ้าง?
1. เกิดความเจ็บปวด (Emotional pain)
ผลกระทบด้านอารมณ์ การถูกปฏิเสธ ถูกละเลยด้านจิตใจส่งผลต่อภาวะทางจิตใจอย่างร้ายแรง
2. ส่งผลต่อความเครียด และวิตกกังวล (Anxiety and Stress)
ความเงียบ เมินเฉยไม่สื่อสารพูดคุยส่งผลต่อภาวะวิตกกังวล และความเครียด
3. ไม่ให้เกียรติ
ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกถูกด้อยค่า รู้สึกไม่มีคุณค่า
4. สร้างความสับสน
การไม่สื่อสารทำให้เกิดความเครียดและสับสนในสัมพันธภาพ
อย่างไรก็ตามสาเหตุของปัญหาการใช้ Silent treatment ในบางคนอาจมีที่มาดังนี้
1. ภาวะปัญหาด้านอารมณ์
ภาวะด้านอารมณ์เป็นผลกระทบมาจากสิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดูเป็นสาเหตุของภาวะความกลัว และวิตกกังวล ความโดดเดี่ยวและการหลีกเลี่ยงบางอย่างในชีวิตเกิดจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาในอดีต
2. ขาดทักษะทางการสื่อสาร
การขาดทักษะทางการสื่อสารส่งผลกระทบต่อการสานสัมพันธ์และการรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
3. ประสบการณ์ในอดีต
การมีประสบการณ์แย่ในอดีตเป็นตัวกระตุ้นกดดันให้เกิดพฤติกรรมแสดงออกในปัจจุบัน
4. ภาวะทางจิตที่ผิดปกติ
การใช้ความเงียบอาจเป็นเครื่องมือในการควบคุมภาวะจิตใจเหยื่อหรือใช้เป็นการลงโทษอีกฝ่ายด้วยสัมพันธภาพที่ห่างเหินเย็นชาไม่ตอบสนองด้านอารมณ์
อย่างไรก็ตามควรมีวิธีรับมือและตอบสนองกับ Silent treatment และอย่าได้ถือเป็นสาระสำคัญ ไม่ควรเก็บไปคิดให้หนักใจ เพราะ Silent treatment เป็นแค่พฤติกรรมที่ต้องการให้ผู้อื่นเกิดความเครียดและวิตกกังวล ดังนั้นไม่ควรใส่ใจจนเกินไป ควรตั้งสติและสงบใจ หากไม่สามารถรับมือกับปัญหาสัมพันธภาพหรือ ภาวะรบกวนทางจิตใจได้ด้วยตนเองควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไม่ควรปล่อยปัญหาทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการแก้ไข
อ้างอิง
https://health.clevelandclinic.org/silent-treatment
https://www.self.com/story/silent-treatment-manipulation
https://www.psychologs.com/the-psychology-behind-the-silent-treatment/?srsltid=AfmBOopDsDv8YCRILGxkOe6jJP7WB6tpuPdd1qi6_1GJ_-NbxHfgRUif
tps://www.joinonelove.org/learn/how-to-deal-with-the-silent-treatment/