81 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคเก็บสะสมของ (Hoarding Disorder) สร้างปัญหาอย่างไรกับชีวิต?
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
สาเหตุของโรคเก็บสะสมของ (Hoarding Disorder) หลายทฤษฎีเชื่อว่าเกิดจากประสบการณ์ที่แตกต่างในแต่ละคน ประกอบกับปัจจัยภายนอกอีกหลายๆ ด้าน ซึ่งสรุปได้ว่าอาจเกิดจากความรู้สึกยากลำบากในชีวิต ความวิตกกังวล ทัศนคติเรื่องความสมบรูณ์แบบ ประสบการณ์ในวัยเด็ก ปมบาดแผลทางใจการสูญเสีย ประวัติครอบครัวนิสัยพฤติกรรม และ/หรือการเลี้ยงดู
โรคเก็บสะสมของเป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่มีพฤติกรรมชอบสะสมของจำนวนมากๆ ทั้งของมีค่า และไม่มีค่า เช่น เศษกระดาษ หนังสือพิมพ์ เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน สัตว์ต่างๆ โดยไม่คำนึงว่าจะมีการดูแลจัดการสิ่งต่างๆ ที่นำมาเก็บไว้มากมายเหล่านั้นได้อย่างไร การไม่จัดระเบียบกับข้าวของที่สะสม ปล่อยบ้านรกส่งผลต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ภาพลักษณ์ทางสังคม และส่วนใหญ่มักมีภาวะเครียดหากต้องทิ้งสิ่งชิ้นไหนไป โรคเก็บสะสมของจะแตกต่างจากการสะสมเพื่อเป็นงานอดิเรก
อย่างไรก็ตามโรคสะสมของมักเป็นปัญหาที่เป็นผลมาจากสุขภาพจิตที่ไม่แข็งแรงปกติ ส่งผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิตของตัวเองและคนรอบข้างเนื่องจากไม่มีวิธีการจัดระเบียบข้าวของ ไม่ดูแลทำความสะอาด ปล่อยรกสกปรกในบริเวณพื้นที่อยู่อาศัยอาจส่งผลเสียที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย รวมทั้งอาจไม่มีพื้นที่ในการเข้าช่วยเหลือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ใช้ชีวิตทำกิจกรรมประจำวันได้ลำบาก อาจมีสัตว์ร้าย สารพิษรั่วไหล เสี่ยงเกิดไฟไหม้ หน่วยงานพยาบาลและรถฉุกเฉินอาจเข้าช่วยเหลือยาก หากที่อยู่อาศัยรก สกปรกอาจทำให้ตัดขาดจากสังคมเนื่องจากไม่อยากเชิญแขกมาบ้าน และอาจนำสู่ปัญหาความสัมพันธ์กับคนในบ้านและคนรอบข้างที่อยู่อาศัยด้วย ดังนั้นโรคเก็บสะสมของ(Hoarding Disorder) ควรได้รับการรักษาแก้ไข
การช่วยดูแลคนเป็นโรคเก็บสะสมของ (Hoarding Disorder) ทำได้อย่างไร?
1. มาพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำบำบัด
โรค Hoarding Disorder เป็นปัญหาด้านสุขภาพจิตที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในการทำบำบัดด้านความคิดและพฤติกรรมนำสู่ปัญหาในการใช้ชีวิต
2. มีวิธีสื่อสารแบบให้เกียรติและเข้าใจ
ไม่ดูถูกว่าข้าวของนั้นเป็นขยะ เพราะของทุกชิ้นมีความเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ทางใจ
3. จัดการของที่เป็นอันตรายก่อน
หากการทำความสะอาดแบบหมดจดอาจทำได้ยากให้โฟกัสไปที่การจัดการข้าวของวัตถุที่อาจก่ออันตรายออกไปให้หมดก่อนและสำรวจว่าการใช้พื้นที่มีความปลอดภัยเพียงพอแล้วก็อาจจะเหลือของบางชิ้นไว้บ้าง
4. รับฟังผู้ป่วยในสิ่งที่เขาต้องการและทำงานร่วมกัน
5. อย่ากดดันหรือเร่งให้ผู้ป่วยเคลียร์ข้าวของและเปิดพื้นที่ แต่ควรมีการตกลงแจ้งบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนไปช่วยเหลือจัดการ
อยากไรก็ตามกุญแจสำคัญของการช่วยเหลือคนเป็นโรค Hoarding Disorder ต้องใช้วิธีสื่อสารแบบเห็นอกเห็นใจเข้าใจ และรับฟังเรื่องที่ผู้ป่วยอยากเล่า ที่สำคัญควรพาผู้ป่วยไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเพื่อจะได้ช่วยให้เขาเข้าใจตัวเองว่าทำไม่ถึงมีพฤติกรรม Hoarding และควรช่วยให้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ควรกดดันเร่งรัด
การมาพบผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการลดความวิตกกังวล เครียด และสามารถตัดใจละทิ้งบางสิ่งได้ สามารถจัดระเบียบชีวิตและข้าวของได้ การมาพบผู้เชี่ยวชาญจะช่วยสร้างทักษะพลังใจให้กับคนเป็นโรค Hoarding ในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สามารถพึ่งพาตัวเองได้และมีกำลังใจ มีพฤติกรรมที่จะค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางสร้างชีวิตให้มีสุขภาพดีมีสุขมากขึ้น
อ้างอิง
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/17682-hoarding-disorder
https://www.psychologytoday.com/intl/blog/the-modern-heart/202209/12-ways-that-hoarders-differ-from-collectors
https://www.apa.org/monitor/2020/04/ce-corner-hoarding