9571 จำนวนผู้เข้าชม |
Resilience หรือ การฟื้นคืนของสภาวะทางจิตใจ เป็นคุณสมบัติที่ทุกคนมีแต่มากน้อยต่างกัน การที่คนเรามีความสามารถในการฟื้นคืนสภาวะทางจิตใจได้นั้นก็เพื่อต่อสู้กับมรสุมชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยทางกาย หรือทางใจ การสูญเสียสิ่งที่รัก บุคคลอันเป็นที่รัก เจอกับปัญหาอุปสรรคต่างๆในชีวิต ตกงาน แฟนทิ้ง หรือความยากลำบากอื่นที่เกิดขึ้นกับเรา หากเรามีResilienceเหมือนมีเกราะที่คุ้มกันจิตใจเราให้เข้มแข็งเผชิญหน้าความท้าทายได้
การมี Resilience mindset นั้นมีประโยชน์กับเรายังไง
Resilience mindset นั้นทำให้เราสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ จากการเปลี่ยนมุมมอง เลือกที่จะมองบวก เลือกที่จะจัดการกับความเครียด ความวิตกกังวล เลือกที่จะไม่ยอมตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เลือกที่จะมีความสุขและพอใจในแบบที่ตนมีอยู่หรือมีความสุขในแบบที่ตนเป็นอยู่
ยกตัวอย่างเช่น โทมัส เอลวา เอดิสันทำการทดลองประดิษฐ์คิดค้นหลอดไฟที่ให้แสงสว่าง แต่มันไม่ได้สำเร็จโดยง่ายเขาผ่านทดลองที่ไม่สำเร็จมานับเป็นพันครั้ง แต่ด้วยresilience mindset ทำให้ไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นใหม่ เขามองเห็นอุปสรรค์เป็นความท้าทาย เขาให้กำลังใจตัวเองและมองว่าการทดลองที่ผ่านมาเป็นการพัฒนาและจำทำให้เกิดความสำเร็จได้อย่างแน่นอน และเขาไม่ได้มองว่ามันเป็นความล้มเหลวแต่อย่างใดแต่เป็นการเรียนรู้ที่ทำให้เราฉลาดและฝึกฝนให้เก่งมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกันหากโทมัสไม่มีresilience mindsetเขาจะมองทุกอย่างเป็นอุปสรรคและสิ่งที่ผ่านเข้ามาเป็นปัญหา และอาจทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจและไม่พยายามทำการทดลองอีกต่อไป
ชีวิตคนเราก็เช่นกันหากต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ได้เป็นดังหวัง ต้องเตรียมใจในการก้าวข้ามผ่านอุปสรรคในชีวิตต่อไปให้ได้ต้องมี resilience mindset มองบวก และพยายามต่อสู้กับภาวะภายในจิตใจของตัวเองให้ได้ อย่ายอมแพ้ง่ายใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขให้ได้ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตแม้ต้องผ่านอุปสรรคฝ่าฝันต่อสู้กับสิ่งที่ยากลำบากและไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไรแต่ก็ต้องทำต่อไปจนกว่าจะเจอความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ควรมีความพยายามและมองบวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
สิ่งหนึ่งที่เราควรมีคือความแน่วแน่และฝ่าฝันไปให้ถึงจุดหมาย มีมุมมองของการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสเสมอ การมีความพร้อมที่จะฟื้นคืนสภาพจิตใจ มองโลกบวกทุกครั้งที่เจอปัญหาอุปสรรคจะช่วยให้เราก้าวต่อไปได้ เราสามารถทำเช่นนั้นได้โดยการพัฒนา และฝึกฝนResilience mindsetให้เป็นประจำจนเป็นนิสัยและเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาตัวเราและความคิดของเรา
การมี Resilience mindset นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค การมองบวกทำให้ชีวิตก้าวออกจากปัญหา และอุปสรรคได้ การมี Resilience mindset ทำให้เรากล้าเผชิญหน้ากับปัญหาต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่น นักจิตวิทยาได้กล่าวถึงองค์ประกอบ และปัจจัยหลักสำคัญ สำหรับแนวทางในการพัฒนา Resilience mindset ไว้ 3ประการดังนี้
1. ความท้าทาย- ให้เราเปลี่ยนการมองความยากลำบากและอุปสรรคในชีวิตเป็นความท้าทาย ไม่ให้มองว่าความท้าทายเป็นปัญหาที่ทำให้เรากลัวหรือหยุดเราในการเดินก้าวไปข้างหน้า ในทางกลับกันให้มองว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้เพื่อเติบโต อย่าให้ความคิดหรือประสบการณ์ลบมามีอิทธิพลต่อการต่อสู้และฝ่าฟันอุปสรรคของเรา อย่าให้ทัศนคติด้านลบมาปิดกั้นความสามารถหรือความมั่นใจในการลองทำสิ่งนั้นอีกในครั้งต่อๆไปของเรา นอกจากนี้เราควรเห็นคุณค่าในตัวเอง เคารพตัวเอง ให้อภัยตนเองและก้าวเดินต่อไป
2. ให้สัญญากับตนเอง-เป็นการตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ แม้จะเจออุปสรรคปัญหาก็จะหาวิธีก้าวผ่านอุปสรรคไปให้ได้ ทำตามที่สัญญาไว้กับตัวเอง และเดินไปให้ถึงเส้นชัยข้างหน้า โดยไม่ละเลยการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนคนรอบข้าง มีหลักคิดทางศาสนา เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
3. ควบคุมความคิดตัวเอง- ให้ความสำคับกับการควบคุมความคิดของตัวเองไม่ให้คิดไปในทางลบ สิ้นเปลืองพลังงานสมอง หรือคิดถึงเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขหรือควบคุมมันได้ นอกจากจะทำให้เราขาดความเชื่อมั่น และทอแท้แสัวยังเสียเวลาไม่เกิดประโยชน์ ในทางกลับกันถ้าเราเสริมพลังบวกให้กับความคิด มองบวกกลับมาต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาเลิกกังวลใจในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น เลิกวิตกจริตกับเหตุการณ์ในอนาคตก็จะเป็นการช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ผ่องใสดีขึ้นได้
นอกจากนี้การฟื้นคืนสภาพจิตใจให้กลับมาต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคได้นั้นนอกจากการไม่ควรคิดลบแล้วควรต้องแทนที่ความคิดลบนั้นด้วยความคิดที่เป็นบวก ดังที่อธิบายไว้ในทฤษฎี positive psychology ของ Martin Seligman นักจิตวิทยา
อ้างอิง