เมื่อสามีเมินเฉยไม่สนใจควรทำตัวอย่างไร?

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner

เมื่อสามีทำตัวเหินห่าง และไม่ใส่ใจภรรยาแน่นอนย่อมสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับภรรยาอยู่ไม่น้อย  การปล่อยให้ภรรยาเผชิญกับความละเลยไม่ใส่ใจทำให้เกิดความสับสน และเป็นสัญญาณอันตรายต่อชีวิตคู่เป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีสาเหตุและที่มาที่ไปอย่างแน่นอน เช่น การเมินเฉยไม่ใส่ใจอาจเกิดขึ้นหลังจากมีปากเสียงกัน เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจ หรือต้องการเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย

การที่สามีไม่ใส่ใจภรรยาปล่อยให้ความสัมพันธ์มีปัญหาด้วยการเมินเฉยเป็นวันๆ หรือหลายวันนั้น ย่อมสร้างความเครียด ความกดดัน และความเจ็บปวดเป็นอย่างมากให้กับภรรยา การที่สามีไม่ต้องการไปออกงานสังคมกับภรรยา หรือไม่รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเวลาภรรยาร้องให้ ก็ถือว่าเป็นปัญหาด้านความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างร้ายแรง และหากไม่ได้รับการแก้ไขในทันทีทันใดนั้นย่อมส่งผลต่อปัญหาสัมพันธภาพด้านอื่นๆที่เลวร้ายลุกลามตามมาในอนาคตได้

การที่สามีไม่ใส่ใจภรรยาเป็นเวลานานทำตัวออกห่าง สร้างกำแพงที่หนาขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตคู่อาจกลายเป็นเรื่องยากที่จะทำลายกำแพงนั้นลงได้และบ่อยครั้งที่หลายคู่ก็มักจบลงด้วยการหย่าร้าง และแยกทาง

ดังนั้นเมื่อสามีไม่สนใจภรรยา อย่านิ่งนอนใจ แต่ควรมองหาสาเหตุให้เจอว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรคือสาเหตุ ภรรยาทำอะไรผิด หากสามีไม่ใส่ใจแม้กระทั่งครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติของภรรยานั่นไม่ใช่เรื่องปกติมันต้องมีสาเหตุ อาจต้องเช็คดูสภาพแวดล้อมของความสัมพันธ์กับ ญาติมิตร ว่ามีการไม่ให้เกียรติหรือพูดจาดูถูกทำให้สามีเกิดความไม่สบายใจหรือไม่

ดังนั้นควรหาสาเหตุให้เจอว่าปัญหาเกิดจากอะไร อาจใช้แนวทางค้นหาสาเหตุดังต่อไปนี้

1. สำรวจตัวเอง

เราเป็นภรรยาทำตัวน่ารำคาญหรือไม่ เช่น จำจี้จำไชเรื่องให้สามีช่วยทำงานงานบ้าน และถ้าทำไม่ได้ดั่งใจก็อารมณ์เสีย ดุด่า การที่สามีทำเป็นไม่สนใจและไม่ใส่ใจฟังเป็นกลไกการจัดการกับปัญหาด้านอารมณ์ที่ได้รับผลกระทบจากความหงุดหงิดรำคาญใจ

     2. สามีอาจงานยุ่ง

หากสามีเป็นคนบ้างาน มีเป้าหมายต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน  ความก้าวหน้า ก็อาจทำให้ละเลยที่จะใส่ใจภรรยาได้

     3. ละเลยการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ไม่ใช่มีแค่เรื่องบนเตียงเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ยืนยาว และสานต่อความสัมพันธ์พัฒนาต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้นคือ ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในหลายๆด้าน เช่นการที่ภรรยามีบางสิ่งที่น่าหลงใหลดึงดูดหรือมัดใจสามีอยู่ตลอดเวลา ภรรยาทำให้สามีรู้สึกตื่นเต้นมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้ๆ

คุยกันรู้เรื่อง มีความสุขมีความเชื่อ มีเหตุผลความคิดความเห็นที่ไปด้วยกันได้ ถึงแม้จะมีความแตกต่างก็เป็นความท้าทายในการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็น ซึ่งหากไม่มีการพัฒนาความสัมพันธ์อันลึกซึ้งนี้การพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาวก็จะเป็นเรื่องยาก และการที่สามีจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวตนเพื่อภรรยา หรือเปลี่ยนภรรยาให้เป็นในแบบที่ตัวเองต้องการนั้นก็คงจะเป็นเรื่องยากเช่นกันหากไม่หาจุดตรงกลางที่เหมาะสม และในที่สุดสามีอาจต้องหาคนอื่นมาแทนที่ภรรยาเพื่อเติมเต็มความสุขของตนเอง

         4. ภรรยาทำตัวน่าเบื่อ

ภรรยาไม่พัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาวให้มีชีวิตชีวา ไม่เอาอกเอาใจ ขี้งอน ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจตัวเองก็ทำให้สามีอยากออกห่าง

        5. ญาติภรรยาเข้ามาวุ่นวาย

จริงอยู่ที่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตรของเรามีความสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่คอยดูแลช่วยเหลือเราในเวลาที่ต้องการ แต่เมื่อเราแต่งานแยกครอบครัวแล้วการที่ยังยึดติดกับ พ่อแม่ พี่น้องหรือ ญาติตัวเองมากเกินไปก็เป็นการพลักไสสามีให้ห่างไกล การสร้างครอบครัวใหม่ที่ตนได้เลือกแล้วน้้นต้องใช้เวลาและการทุ่มเท ต้องสร้างสมดุลย์แต่หากยึดติดกับครอบครัวตัวเองมากเกินไปเป็นการรบกวนการสร้างชีวิตคู่ของตน

      6. ความเห็นต่างด้านการเงิน

การวางแผนด้านการเงินเป็นประเด็นสำคัญในชีวิตคู่ หากสามีต้องการประหยัดเพื่อสร้างอนาคตของครอบครัวแต่ภรรยากลับชอบช้อปปิ้งหรือใช้จ่ายสุรุยสุร่าย ลงทุนไปกับการซื้อข้าวของที่ไม่จำเป็นก็อาจทำให้การวางแผนทางด้านการเงินไปคนละทิศคนละทาง และอาจเกิดปัญหาด้านความมั่นคงในชีวิตคู่ตามมาอย่างแน่นอน

       7.  สามีมีคนอื่น

สามีนอกใจอาจเกิดจากหลายสาเหตุ บางครั้งสามีแสดงออกแบบไม่สนใจภรรยาแต่ต้องกลับมาบ้านเพราะมีหน้าที่และความรับผิดชอบเพราะมีลูกที่ต้องรับผิดชอบนั้น อาจเป็นความสัมพันธ์ภาพที่โกหก หลอกลวงมีไม่ซื่อสัตย์ และปิดปังแฝงอยู่ ทำให้เกิดความไม่เชื่อใจหรือศรัทธาในการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงในระยะยาว แนะนำให้ควรรีบเข้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ชีวิตคู่โดยเร็ว ความซับซ้อนในความสัมพันธ์แบบนี้อาจต้องได้รับการแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญ และไม่จำเป็นที่ต้องจบด้วยการแยกทางกันเสมอไป

ภรรยาควรแก้ไขอย่างไรหากสามีไม่สนใจ?

หากลองเปิดใจไม่ถือทิฐิปล่อยวางไม่เอาชนะกัน หรือเห็นว่าใครดีกว่าและแก้แค้นเอาคืน เราก็จะมองเห็นว่าปัญหาที่สามีไม่สนใจภรรยาก็มักจะมีสาเหตุ อาจเกิดจากการไม่สื่อสารหรือพูดคุยกันให้รู้เรื่องทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขและทำให้บานปลายต่อไป

ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาสัมพันธภาพชีวิตแต่งงาน นักจิตวิทยาครอบครัว และผู้เชี่ยวชาญเรื่องปัญหาชีวิตคู่ จากHack Spirit ได้ให้แนวทางในการนำไปปฎิบัติเบื้องต้นดังนี้
 

1. หาสาเหตุให้เจอ

การสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญของการใช้ชีวิตคู่ หากสามีเงียบไปหรือไม่คุยด้วย ต้องรีบหาสาเหตุให้เจอว่าเกิดจากอะไร และต้องรีบคุยให้รู้เรื่อง

2. เห็นใจสามีและมีความอ่อนโยน

การที่สามีเมินเฉยต้องมีสาเหตุ การที่สามีไม่สะดวกใจที่จะเล่าให้ฟังและเงียบเป็นการรับมือกับปัญหาความเครียด วิตกกังวลที่กำลังเผชิญอยู่ แต่หากภรรยาแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจและพยายามเข้าใจเปิดใจรับฟังก็อาจช่วยให้สามีรู้สึกผ่อนคลายและกล้าที่จะเล่าระบายปัญหาที่อยู่ให้ภรรยาฟัง

3. ให้เวลาสามี

บางครั้งความไม่สบายใจของสามีอาจไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวเลยแต่เป็นเรื่องงานทำให้ดูเหมือนละเลยไม่ใส่ใจภรรยา อย่างไรก็ตามควรหาสาเหตุที่แท้จริงและควรให้เวลาสามี สามารถถามไถ่บ้างเพื่อจะได้ช่วยทำให้สามีได้ระบายความเครียดที่มี

4. อย่าชวนทะเลาะ

การเงียบและไม่ได้ตอบสนองอย่างทันท่วงทีย่อมทำให้ภรรยาโกรธ หงุดหงิดเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ควรแสดงกิริยาก้าวร้าวชวนทะเลาะเพราะนอกจากจะไม่ได้แก้ปัญหาแล้ว ยิ่งทำให้สามีอยากหลีกหนีให้ไกล ดังนั้นควรใจเย็นและมีสติ

5. ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า

ภรรยาควรสามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ว่าสิ่งไหน เรื่องไหนที่มักจะเป็นประเด็นทำให้สามีไม่พอใจเราและ ควรประเมินสถานการณ์เพื่อหาวิธีการป้องกันปัญหาไว้แต่เนิ่นๆ

6.  หมั่นเชื่อมสัมพันธภาพให้ดีอยู่เสมอ

พยายามเชื่อมต่อความสัมพันธ์ที่ดีกับสามีอยู่เสมอ จับมือถือแขน เล่าเรื่องราวประทับใจ ไปเที่ยวในสถานที่ที่เคยมีความทรงจำดีๆร่วมกันหรือหาเวลาเปลี่ยนบรรยากาศบ่อยๆ

7.  มองบวก

พยายามมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอและควรมองให้เห็นถึงความเป็นจริงว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สามีไม่สนใจภรรยา อย่าคิดในแง่ร้ายเอาเองว่าสามีนอกใจมีคนอื่นอย่างเดียว ควรมองสาเหตุของปัญหาให้รอบด้านและแก้ไขปรับปรุง 

8. ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาพิเศษในชีวิตคู่

เช่นการฉลองครบรอบแต่งงาน หรือทำเซอร์ไพรสามีในโอกาสพิเศษของเขาเพื่อให้มีโอกาสกลับมาจุดประกายความรักเหมือนวันวานอีกครั้ง


9. ใส่ใจเรื่องราวของสามีอยู่เสมอ

ภรรยาควรให้ความสนใจและรับรู้ในเรื่องที่สามีกำลังจริงจัง การตระหนักรู้และใส่ใจสามีจะเป็นกำลังใจที่ดีในการทำสิ่งที่สามีพยายามให้ประสบความสำเร็จ แต่หากภรรยาไม่ให้ความสำคัญสามีจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพยายามทำนั้นไร้ค่าและอาจทำตัวเหินห่าง

10. ไม่ควรนินทา

ไม่มีใครชอบถูกนินทา หากรู้สึกว่าสามีแสดงออกด้วยแบบไม่ใส่ใจย่อมต้องมีสาเหตุ ไม่ควรเอาไปพูดลับหลังให้คนอื่นฟัง เชื่อในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจของตัวเอง และควรให้เกียรติสามีทั้งต่อหน้าและลับหลัง

11.  ปรึกษานักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตามหากทุกขั้นตอนที่ได้กล่าวมาเคยทำมาแล้วยังไม่ได้ผล อาจต้องพึ่งนักจิตวิทยาด้านความสัมพันธ์ครอบครัว การปรึกษาปัญหาครอบครัวเป็นการซ่อมแซมชีวิตแต่งงานและเป็นการค้นพบปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขได้อย่างรวดเร็วมากกว่าการพยายามแก้ไขด้วยตัวเองและยังวนเวียนไม่เจอทางออก

การฟื้นฟูสัมพันธภาพในชีวิตคู่เป็นสิ่งที่ทำได้ยากหากทั้งคู่ไม่ให้ความสำคัญหรือใส่ใจกันและกัน อย่างไรก็ตามเมื่อมีประเด็นที่อ่อนไหวไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการชวนทะเลาะเพราะนอกจากจะไม่รู้ถึงปัญหาและสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ยังทำให้ปัญหาปานปลายกลายจนอาจกลายเป็นความซับซัอนและเกิดปมขัดแย้งด้านอื่นๆตามมาได้

ที่สำคัญควรจำไว้ว่าหากสามีไม่สนใจเราไม่ให้ความสำคัญ อย่าได้ทำสิ่งเหล่านี้โดยเด็ดขาด

3 ข้อต้องห้ามในการโต้กลับสามี

1.  ไม่สนใจสามีกลับบ้าง

2. สร้างความกดดันให้สามี

3. ทำให้สามีเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น

ภรรยาควรใจเย็น และมีสติหาสาเหตุของปัญหาให้เจอก่อน และค่อยๆพูดคุยกันเพื่อหาทางแก้ไข การวางแผนเพื่อหลีกเลี่ยงฉนวนที่ก่อให้เกิดปัญหาในลักษณะเดิมนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ

การหันหน้าเข้าพูดคุยกันเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ความเห็นอกเห็นใจ การตระหนักรับรู้ ถึงความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่าย ให้ความรักความ ความใส่ใจและแบ่งปันเวลาให้กันจะช่วยให้ปัญหาผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและเป็นการพัฒนาสัมพันธภาพที่ยืนยาวและมั่นคง

 
อ้างอิง

https://www.bonobology.com/husband-ignores-you/

https://www.mindbodygreen.com/articles/signs-your-husband-isnt-in-love-with-you

https://hackspirit.com/7-reasons-your-husband-ignores-you-and-10-things-you-can-do-about-it/