3785 จำนวนผู้เข้าชม |
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และ นักจิตบำบัด EMDR
(Ph.D in Counseling Psychology and
Certified in EMDR Psychotherapy)
การแต่งงานสำหรับคนสองคนที่ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษานั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องให้เกียรติและเคารพในความแตกต่างของวัฒนธรรมของกันและกัน
การแต่งานเป็นการที่คนสองคนตั้งใจที่สร้างครอบครัวใหม่ของตัวเองร่วมกัน ดังนั้นหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยังคงยึดติดกับครอบครัวเดิมที่ตนเติบโตมาอย่างเคร่งครัดโดยไม่ยอมปรับเปลี่ยนหรือใส่ใจในการสร้างครอบครัวใหม่ของตนร่วมกับคู่ชีวิตก็จะเป็นการยากที่จะมีครอบครัวของตัวเองที่มีความสุขได้
ดังนั้นแล้วการใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันจึงต้องอาศัยการปรับทัศนคติและความเข้าใจ ยอมรับ และให้อภัย อดทนต่อกันในหลายๆเรื่องและบ่อยครั้งมาก จนกระทั่งเกิดเป็นการปรับตัวเข้าหากันได้อย่างสมบรูณ์
อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตคู่ของแต่ละคู่ก็มีความแตกต่างและไม่เหมือนกัน และยิ่งถ้าเป็นการแต่งงานแบบข้ามชาติ หลายประเด็นก็จะมีความซับซ้อนและต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก
เรามาดูกันว่าจะอยู่อย่างมีความสุขกับคู่ชีวิตที่เป็นต่างชาติเราควรต้องสร้างสมดุลย์อย่างไรบ้าง
7 ข้อที่ควรรู้หากเลือกที่จะแต่งงานกับคนต่างชาติ
1. ยอมรับและเปิดใจในความแตกต่าง
การแต่งงานกับคนต่างชาติต่างภาษาเราต้องเข้าใจว่าเรากำลังเดินเข้าไปสู่โลกใหม่ที่เราอาจจะยังไม่รู้จักดีพอ เราอาจรับไม่ทันกับวัฒนธรรมบางอย่างแต่เราต้องเปิดใจว่ามันคือโลกของเราแล้วในตอนนี้ ดังนั้นหากมีวัฒนธรรมบางอย่างที่ไม่โอเคก็ควรเปิดเผยและคุยกันอย่างตรงไปตรงมา
2. ศึกษากันและกันให้เข้าใจ
ความต่างทางเชื้อชาติ ภาษาคงไม่สามารถทำให้เราล้มเหลวในชีวิตคู่ได้หากเราใส่ใจคู่ชีวิตของเรา พูดคุยสอบถามถึงประสบการณ์วัยเด็ก การเลี้ยงดู ความสัมพันธ์กับครอบครัว ญาติพี่น้อง ถามคำถามที่ช่วยให้เราเข้าใจกันและกันมากยิ่งขึ้น จะช่วยให้ชีวิตคู่นั้นดีขึ้น
3. ให้ความสำคัญกับทั้งสองวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
ปัญหาคือหลายคู่เลือกที่จะยึดวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่งเพราะคิดไปเองว่าเวลามีลูกแล้วจะกลัวลูกสับสน แต่การปิดกั้นวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่งของพ่อหรือของแม่นั้น ยิ่งทำให้ลูกสับสนและตั้งคำถามมากมาย ดังนั้นจึงควรเขียนเป็นลิสออกมาว่า วัฒนธรรมใครดีเด่นด้านไหน และให้นำแต่ข้อดีในวัฒนธรรมนั้นๆมาสอนลูก
4. เรียนรู้ภาษาของกันและกันเพื่อช่วยเรื่องการสื่อสารให้ดีขึ้น
หลายคู่อาจคิดไม่ถึงว่าอุปสรรคด้านภาษาอาจนำมาสู่ปัญหาด้านสัมพันธภาพได้ ดังนั้นทั้งคู่ควรเรียนรู้ภาษาของกันอย่างท่องแท้ เข้าใจในระดับที่สื่อสารได้ดีเพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อการสื่อสารกันเองของทั้งคู่แล้ว ยังเป็นประโยชน์ด้านความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างของคู่ชีวิตเราอีกด้วย เช่นเวลาที่ต้องสื่อสารกับญาติพี่น้องของอีกฝ่ายดังนั้นไม่ควรละเลย
5. มีความอดทน
เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันหลายอย่างคงไม่ได้ลงตัวอย่างรวดเร็วต้องใช้เวลาและเรียนรู้ ดังนั้นจงอดทนและพยายามเรียนรู้กันต่อไป อย่าเพิ่งย่อท้อ หากเจออุปสรรคที่ไม่สามารถแก้ไขได้เอง ควรปรึกษานักจิตวิทยาตั้งแต่เนิ่นๆ อย่ารอจนปัญหาบานปลายจนเกินแก้ไข
6. มีการวางแผน
ก่อนแต่งงานทั้งคู่ควรร่วมกันวางแผนถึงการปรับเปลี่ยนตัวเองสู่วัฒนธรรมใหม่ วางแผนชีวิตว่าอันไหนดี อันไหนเหมาะ หลายอย่างในการเริ่มต้นชีวิตคู่อาจต้องเจอสิ่งที่ท้าทายมากมาย ดังนั้นควรวางแผนสร้างอนาคตด้วยกัน และมีเป้าหมายร่วมกัน
7. มีความอดกลั้น
การเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่อาจมีบางสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย บางพิธีกรรมที่อาจทำให้เรายอมรับไม่ได้ หรือไม่สมเหตุสมผล ควรอดกลั้น เพราะไม่ใช่ทุกครั้งของการใช้ชีวิตคู่จะต้องอธิบายด้วยเหตุผลแบบร้อยเปอร์เซนต์ ควรปล่อยวางบ้างเพื่อให้ชีวิตคู่ได้ไปต่อ
ชีวิตคู่ไม่ว่าเชื้อชาติและภาษาใดก็ตามก็ย่อมต้องการการยอมรับและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เติบโตมากับวัฒนธรรมและครอบครัวแบบใดก็ไม่ได้หมายความว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวเดียวกันจะไม่มีความแตกต่างในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับการเดินทางของแต่ละคนที่ไปพบเจอและเรียนรู้มาดังนั้นหากไม่เข้าใจในเรื่องใดไม่ควรคิดเองและตัดสินหรือปิดกั้นโดยไม่ได้หาคำตอบให้แน่ชัดก่อน
การเปิดใจยอมรับความแตกต่างและให้เกียรติกันและกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะพาให้ชีวิตคู่ไปสู่เป้าหมายที่ดีได้
อ้างอิง
https://www.marriage.com/advice/relationship/intercultural-marriage/
https://www.foryourmarriage.org/intercultural-marriage-making-it-work/