9 สัญญาเตือนเมื่อไรควรมาพบนักจิตวิทยา เพื่อบำบัดชีวิตคู่

7862 จำนวนผู้เข้าชม  | 

9 สัญญาเตือนเมื่อไรควรมาพบนักจิตวิทยา  เพื่อบำบัดชีวิตคู่

 

Marid Kaewchinda, Ph.D.

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา

นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy

 

การมาพบนักจิตบำบัดคู่สมรสมีประโยชน์อย่างไร?

การบำบัดความสัมพันธ์ด้านชีวิตคู่และครอบครัวนั้นนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และเป็นก้าวที่สำคัญของทั้งคู่ในการแสดงออกถึงความใส่ใจในสัมพันธภาพของความรักและความปรารถนาที่จะพัฒนาแก้ไขความสัมพันธ์ที่มีปัญหาในชีวิตคู่ให้กลับมามั่นคงอีกครั้ง

การทำบำบัดคู่สมรสสามารถช่วยรักษาซ่อมแซมสัมพันธภาพในชีวิตครอบครัวให้แข็งแรงมากขึ้นได้

การบำบัดชีวิตคู่ช่วยให้ทั้งคู่มีความชัดเจนในด้านการสื่อสารที่เข้าใจกันมากขึ้น หลายคู่มาพบผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดชีวิตคู่เพื่อแก้ปมปัญหาในอดีต หรือบางคู่มาพบนักจิตวิทยาเมื่อกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาในปัจจุบันและตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดตามมาในอนาคตจึงอยากรีบหาทางแก้ไข

การบำบัดชีวิตคู่หลายครั้งสามารถช่วยแก้ไขหรือยุติความขัดแย้งที่อาจกลายเป็นปัญหาลุกลามบานปลายส่งผลเสียต่อคนรอบข้างได้ โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับลูก การมาพบนักจิตวิทยาเพื่อบำบัดปัญหาชีวิตคู่สามารถยุติการบ่อนทำลายสัมพันธภาพที่เคยดีในอดีตได้

Couples therapy หรือการบำบัดชีวิตคู่สามารถช่วยทำให้การสื่อสารระหว่างคนทั้งคู่ได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นและป้องกันทั้งคู่จากพฤติกรรมที่ก่อปัญหาหรือลักษณะนิสัยที่ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตคู่ได้

 



เป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลายท่านมักเข้าใจการบำบัดคู่สมรสไปในทางผิดเพี้ยนและไม่อดทนที่จะมาพบนักจิตวิทยาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผลเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก หลายคู่รอจนปัญหาด้านสัมพันธภาพลุกลามบานปลายจนเกิดการทำร้ายจิตใจกันและกันให้เจ็บช้ำกันทั้งสองฝ่าย ส่วนใหญ่มักมาพบผู้เชี่ยวชาญเมื่อรู้สึกเหลืออดเหลือทนกับคู่ชีวิตของตนแล้ว และหวังว่าการพาอีกฝ่ายมาพบนักจิตวิทยาจะเป็นเหมือนการได้รับยาวิเศษที่จะทำให้ความสัมพันธ์อันเลวร้ายมานานนับปีนั้นจะดีขึ้นในชั่วพริบตา บางคู่คาดหวังว่าพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของอีกฝ่ายหรือของตนเองจะดีขึ้นในทันทีหลังจบชั่วโมงการปรึกษาโดยไม่ทันได้เริ่มลงมือลงแรงปฎิบัติการใดๆ ในการซ่อมแซมสัมพันธภาพที่พังของคู่ตนเลย

บางคู่ถึงขั้นยั่วโทสะอีกฝ่ายให้แสดงพฤติกรรมไม่ดีออกมาต่อหน้านักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นโน้มเอียงเข้าข้างตน เหล่านี้คือพฤติกรรมที่สร้างปัญหากับการใช้ชีวิตคู่ทั้งสิ้น

ดังนั้นควรทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนว่าการมาบำบัดปัญหาชีวิตคู่เพื่อได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการมีทักษะด้านการสื่อสารที่ดีขึ้น ทักษะการฟังที่เข้าใจลึกซึ้ง โดยการพัฒนาความสัมพันธที่ดีหรือพฤติกรรมที่เป็นปัญหานั้นจะค่อยๆ ลดลงเมื่อมารับคำแนะนำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เมื่อทั้งคู่ตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเริ่มลุกลามบานปลายและมีความแน่วแน่ที่จะปรับปรุงสัมพันธภาพให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นก็ควรลงมือปฎิบัติการแก้ไขและร่วมใจกันในการเสริมสร้างสัมพันธภาพให้ดีขึ้นโดยให้เวลากับการมาพบผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นผลและสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีนั้นได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญอีกต่อไป

 



เป้าหมายของการมารับบริการด้านจิตวิทยา คือการทำให้ผู้มารับบริการมีความแข็งแรงด้านจิตใจ ตระหนักรู้สภาวะทางจิตใจความคิดของตนและคนรอบข้างที่มากระทบใจหรือเป็นอุปสรรคขัดขวางชีวิตให้มีความสุข ดังนั้นการทำงานร่วมกับนักจิตวิทยาเพื่อทำให้เรามีจิตใจที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยเหลือด้านจิตใจของตนเองได้อย่างมั่นคงยั่งยืนอย่างเร็วที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพานักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ หรือยาใดๆ อยู่ตลอดเวลา

การบำบัดชีวิตคู่นั้นก็เช่นกันเพื่อให้ทั้งคู่เข้าใจปัญหาอันซับซ้อนที่สั่งสมมานานของคู่ตน และทั้งคู่อาจมองไม่ออกว่าจะแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร เปรียบเสมือนชั้นข้างในของหัวหอมที่ถูกลอกออกมาที่ละชั้นซึ่งมีความซับซ้อน แต่หากทั้งคู่มีความตั้งใจอันแน่วแน่ที่ต้องการแก้ไขปรับปรุงสัมพันธภาพที่มีปัญหาให้ดีขึ้น มีความหวังและมองอนาคตของครอบครัวไปในทางที่ดี โดยผ่านมุมมองแง่คิดของคนภายนอกที่มีความเป็นมืออาชีพในการรับฟังและไม่ตัดสินการกระทำของเราทั้งคู่ จะทำให้เราเห็นปัญหาชัดเจนขึ้น บรรยากาศที่เป็นมิตรและมีผู้เชี่ยวชาญเป็นคนกลางช่วยสื่อสารช่วยให้ทั้งคู่ได้มีการสื่อสารด้วยความเข้าใจกันมากขึ้น เปิดโอกาสในการรับฟังกันโดยมีคนกลางเป็นผู้ชี้แนะให้เห็นถึงจุดดีจุดด้อยต่างๆ และให้ทั้งสองฝ่ายได้ยืนอยู่ในจุดที่ปลอดภัยในการสื่อสารแสดงออกด้านความคิดของตนเองอย่างเปิดเผยชัดเจน

 



หลายคนเข้าใจผิดว่านักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญการด้านบำบัดชีวิตคู่นั้นควรไปพบก็ต่อเมื่อความสัมพันธ์ชีวิตคู่นั้นจบลงแล้วเพื่อหาแนวทางในการเตรียมตัวอยู่ตามลำพังหรือเพื่อการดูแลบุตรหลาน ซึ่งความเข้าใจนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการบำบัดชีวิตคู่เท่านั้น อย่างไรก็ตามควรมาพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อบำบัดชีวิตคู่อย่างเร็วที่สุดเมื่อรู้สึกว่าสัมพันธภาพในชีวิตคู่เริ่มเกิดปัญหาหรือความขัดแย้ง ไม่ควรรอจนปัญหาลุกลามใหญ่โต

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเรามักมีความคาดหวังแต่ความคาดหวังควรต้องอยู่บนพื้นฐานที่เป็นเหตุและผล หากเราคาดหวังว่าอยากได้สัมพันธภาพที่เคยดีกลับมาก็ควรพยายามลงมือปรับปรุงสัมพันธภาพนั้นและตั้งใจหาความช่วยเหลือในการปรับปรุงแก้ไขและรักษาสัมพันธภาพที่ดีเหล่านั้นให้อยู่กับเราและชีวิตคู่ของเราให้ยืนยาวตลอดไป การมาพบผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์คู่ชีวิตสามารถรักษาชีวิตคู่และมีประโยชน์กับสัมพันธภาพชีวิตคู่และครอบครัว

อย่างไรก็ตามเมื่อมีปัญหาชีวิตคู่ควรตระหนักรู้ถึงการแก้ปัญหาและหากไม่มีทักษะหรือหาทางออกไม่ได้ก็ควรมาพบนักจิตวิทยาคู่สมรสและไม่ควรสร้างปัญหาให้เกิดเพิ่มขึ้น เมื่อเกิดปัญญาในชีวิตคู่ควรตระหนักรู้ว่าสถานการณ์ใดควรมาพบนักจิตวิทยา

 



9 สัญญาเตือนเมื่อไรควรมาพบนักจิตวิทยาเพื่อบำบัดชีวิตคู่


1. เมื่อการสื่อสารเริ่มมีปัญหา

ลักษณะการสื่อสารของแต่ละคนมักได้รับอิทธิพลจากการเลี้ยงดูของครอบครัวรวมทั้งทัศนคติการมองโลกด้วยก็เช่นกัน

การมาพบนักจิตวิทยาบำบัดชีวิตคู่ เพื่อจะได้เรียนรู้ทักษะในการตระหนักรู้ตัวตนที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการสื่อสารและการรับฟังอีกฝ่ายอย่างเข้าใจถ่องแท้ด้วยความจริงใจเห็นใจ

2. เมื่อมีพฤติกรรมเสพติด

การเสพติดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สารเสพติด สุรา โซเชี่ยล เซ็กส์ การทำงาน การพนัน หรืออื่นๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่พ่อ-แม่ และอาจเป็นอันตรายต่อลูกด้วย ดังนั้นควรรีบมาพบนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางแก้ไขโดยเร่งด่วน

3. เมื่อความไว้ใจถูกทำลาย

การสูญเสียความเชื่อใจกับใครสักคนไปแล้วเป็นการยากที่ทั้งคู่จะหาทางออกในการกลับมาเชื่อใจกันอีกครั้ง ดังนั้นควรมาพบนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน เพื่อสร้างความแข็งแรงในความสัมพันธ์และพัฒนาความเชื่อใจให้กลับมาได้อีกครั้งโดยที่จะไม่ทำร้ายใจกันและกันอีกต่อไป

4. เมื่อมีปัญหากับการเลี้ยงลูก

บทบาทหน้าที่การเป็นพ่อ-แม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กทุกคนมีความแตกต่างและมีการเลี้ยงดู สั่งสอนที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นและมีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเข้าสังคมเพื่อนฝูงหรือสารเสพติด ดังนั้นการมาพบนักจิตวิทยาเป็นการช่วยให้พ่อ-แม่ได้เรียนรู้ทักษะในการพัฒนาด้านความสัมพันธ์ตระหนักถึงทักษะการเป็นพ่อ-แม่ที่เข้าใจในการเลี้ยงดูลูกให้ถูกทาง

5. เมื่อต้องการคุยกับใครสักคน

นักจิตวิทยามีความเป็นมืออาชีพในการมีทักษะช่วยเหลือด้านจิตใจผู้อื่น มีการเรียนรู้ฝึกฝนอบรมมานานนับปีเรื่องทักษะด้านการรับฟัง การทำงานกับอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ของคนเพื่อช่วยเหลือให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคนนั้นให้ไปในทางบวก

6. เมื่อต้องการปรับปรุงแก้ไขสัมพันธภาพชีวิตคู่

ไม่มีคู่ไหนที่สมบรูณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการมาพบนักจิตวิทยาเป็นการช่วยป้องกันปัญหาชีวิตคู่ที่อาจจะบานปลาย ช่วยให้การสื่อสารระหว่างกันดีขึ้น ช่วยให้ทั้งคู่ได้เกิดการเรียนรู้ทักษะในการเติมเต็มความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดพฤติกรรมทำร้ายสัมพันธภาพระหว่างกัน

7. เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ทำให้กังวล

การเปลี่ยนแปลงในชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจทำให้เรามีความกังวล ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมมีสมาชิกใหม่ มีลูก ย้ายที่อยู่ย้ายครอบครัวไปต่างประเทศ ย้ายงาน ย้ายบ้าน ความกังวลส่งผลกระทบกับชีวิตครอบครัว การมาพบนักจิตวิทยาเพื่อเตรียมตัวในการทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จลดความกังวลในเรื่องการเปลี่ยนแปลงในชีวิตก็จะการช่วยมีแนวทางการแก้ไขให้ดีขึ้น

8. เมื่อไม่รู้สึกSpark

Spark หรือ state of love เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนมีความรักใหม่ๆหรือ puppy love แต่เมื่อเวลาผ่านไปความวุ่นวายหลายอย่างเข้ามาในชีวิตรวมทั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดความขัดแย้งด้วยเช่นกันก็เป็นสาเหตุทำให้ความรู้สึกsparkนั้นหายไป อย่างไรก็ตามมีหลายเทคนิควิธีที่สามารถช่วยให้คู่ชีวิตกลับมาspark หรือ re-romance กันอีกได้ ดังนั้นควรมาพบนักจิตวิทยาคู่ชีวิตเพื่อบำบัดด้านชีวิตคู่ให้ดีขึ้น

9. เมื่อรู้สึกมีปมบาดแผลทางใจ

เชื่อว่าหลายคนมักเคยผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดผลกระทบด้านจิตใจไม่ว่าจะเป็นการถูกทำร้าย เหตุการณ์อันตรายที่ไม่คาดคิด อุบัติเหตุหรือความรุนแรงต่างๆมากมายก่อนการแต่งงานหรือหลังการแต่งงาน ปมปัญหาทางใจนี้หากไม่ได้รับการแก้ไขให้สงบแน่นอนย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตคู่ในทุกๆวัน

อย่างไรก็ตามการมาพบนักจิตวิทยาเพื่อบำบัดชีวิตคู่นั้นต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย การที่อีกฝ่ายปฎิเสธการมาพบนักจิตวิทยาเพื่อบำบัดชีวิตคู่ก็ไม่ได้ความว่าชีวิตคู่นั้นจะต้องจบลงแต่อย่างไรแต่ควรหาสาเหตุให้เจอว่าเป็นเพราะอะไร บางทีคู่ของเราอาจอยากหาวิธีซ่อมแซมความสัมพันธ์นั้นด้วยตัวเอง หรือถ้ามองในแง่ร้ายเขาอาจหมดหวังกับความสัมพันธ์นี้ไปแล้วจึงไม่อยากพยายามอื่นใดต่อ หากเป็นเช่นนั้นเราควรมาพบนักจิตวิทยาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์นี้ให้ดีขึ้นอีกครั้งและค่อยกลับไปสื่อสารกับคู่ชีวิตของตน หรือเป็นการมารับคำปรึกษาเพื่อหาแนวทางว่าจะสานต่อหรือต้องการจบความสัมพันธ์ลงเท่านี้

 

อ้างอิง

https://www.griefrecoveryhouston.com/top-5-misconceptions-therapy/

https://www.talkspace.com/blog/benefits-of-couples-therapy

https://www.cvcounselingservices.com

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้