1000 จำนวนผู้เข้าชม |
สานสัมพันธ์ชีวิตคู่ให้แนบแน่นทำได้อย่างไร?
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D)
Dr. Marid Kaewchinda
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy Practitioner
เคล็ดลับในการทำให้สัมพันธภาพของชีวิตคู่นั้นเติบโตและแน่นแฟ้นนั้นมีมากมายหลายวิธี
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบ่มเพาะความสัมพันธ์อันใกล้ชิดลึกซึ้งให้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและก้าวต่ออย่างแข็งแรง
ทุกคู่รักที่แต่งงานกัน หวังอยากใช้ชีวิตคู่เคียงข้างกัน ร่วมแบ่งปันชีวิตส่วนหนึ่งให้กับคู่รัก และอยากสานต่อสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแนบแน่น สร้างให้เกิดความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน
หากพูดถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นลึกซึ้งคนใหญ่มักจะนึกไปถึงเรื่องการมีเซกส์ ซึ่งแน่นอนการมีเซ็กส์เป็นเรื่องจำเป็นต่อการสานสัมพันธ์ชีวิตคู่ให้แนบแน่น และถือว่าเป็นความการพัฒนาสัมผัสให้ลึกซึ้งทางร่างกาย การขาดเซ็กส์หรือการขาดสัมผัสทางกายสามารถทำให้ชีวิตคู่พังลงได้
อย่างไรก็ตามยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นด้านอื่นที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตคู่ด้วยเช่นกัน ได้แก่ ความสัมพันธ์แนบแน่นด้านอารมณ์ความรู้สึก จิตวิญญาณ ความเชื่อ ความปลอดภัย ความอบอุ่น กำลังใจแรงเสริมให้กันและกัน มีความเป็นอิสระ สามารถแบ่งปันความคิด สามารถแสดงออกความคิดเห็นแตกต่างได้ โดยไม่ต้องหวาดระแวงกัน เช่น การมีอิสรภาพทางความคิดเห็นในการเลี้ยงลูก การวางแผนด้านการเงินของครอบครัว ความคิดเห็นต่างๆ ด้านการเมือง หรือแง่มุมอื่นที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างกันมีประสิทธิภาพและสามารถเสริมสร้างความสนิทสนมในความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นได้
หากเราคาดหวังให้ชีวิตคู่ของเราดำเนินไปได้อย่างมีความสุข ทั้งคู่ควรเปิดใจคุยกันถึงเป้าหมายในชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และควรสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรักและความห่วงใย ทำให้ทุกวันมีแต่มิตรภาพที่ดี อบอุ่น ปลอดภัย
กิจกรรมเสริมที่สามารถสร้างบรรยากาสโรแมนติกเช่น เดินเล่นด้วยกัน แบ่งปันมื้ออาหารด้วยกัน สร้างบรรยากาศความอบอุ่นให้กันเสมอเวลาอยู่ด้วยกัน
การสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดลึกซึ้ง (Intimacy relationship)นั้น ต้องใช้เวลาและต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรเร่งรีบ และควรเคารพให้เกียรติในความต้องการของอีกฝ่าย และควรไวต่อความรู้สึกด้านอารมณ์ของอีกฝ่ายเหมือนเป็นการพลัดกันเป็นผู้ให้และผู้รับ
ทั้งคู่อาจมีมุมมองในการสร้างสัมพันธ์อันลึกซึ้งใกล้ชิดที่แตกต่างกัน แต่ก็ควรที่จะสามารถปรับเปลี่ยน แลกเปลี่ยนกันได้เพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน หลายครั้งต้องใช้ความอดทน ให้เกียรติกันและไม่เห็นแก่ตัว เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งนั้นก็จะสามารถอยู่ต่อไปและพัฒนาไปได้ไกล
อย่างไรก็ตามหากรู้สึกว่าความเข้าใจหรือการสื่อสารระหว่างกันเกิดมีปัญหาถึงแม้ว่าจะพยายามปรับปรุงทุกวิถีทางด้วยตัวเองแล้วก็ตาม อาจถึงเวลาที่ควรมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสัมพันธภาพขีวิตคู่และ ไม่ควรปล่อยทิ้งละเลยจนยากจะแก้ไข
มนุษย์ทุกคนโหยหาความรักในแบบที่ไม่มีเงื่อนไข (Unconditional love) ดังนั้นหากการสร้างสัมพันธภาพกับคู่ชีวิตสามารถให้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขได้ จะช่วยให้สัมพันธภาพดำเนินไปแบบราบลื่นและเป็นปกติสุข
ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในชีวิตคู่มีกี่แบบ?
เราแบ่งความสัมพันธ์อันลึกซึ้งใกล้ชิดในชีวิตคู่ (Intimacy in marriage) ได้ 4 แบบดังนี้
1. ความสัมพันธ์ทางอารมณ์ (Emotional intimacy)
เป็นการเชื่อมต่อกันทางความรู้สึก ความเชื่อมั่น ไว้ใจ การรับรู้ในความอ่อนแอ ความอบอุ่นปลอดภัย หากขาดการเชื่อมต่อด้านอารมณ์ความรู้สึกชีวิตคู่จะเผชิญกับความสัมพันธ์ที่ขมขื่น ถูกเอาเปรียบไม่เป็นธรรม รู้สึกกลัว และระแวงอีกฝ่ายว่าอาจไม่ซื่อสัตย์ ทำให้มีความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งและโดดเดี่ยว
2. ความสัมพันธ์ทางกาย (Physical intimacy)
การเชื่อมต่อทางกายสัมผัสเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ อย่างไรก็ตามหากการเชื่อมต่อทางด้านอารมณ์และจิตใจไม่ดี ก็มักจะส่งผลต่อการเชื่อมต่อด้านกายสัมผัสตามมา ทำให้ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากสนใจ ทำให้สารหลั่งแห่งความสุขอย่าง Oxytocin และ Cortisol หายไปและอาจนำไปสู่สภาวะที่ทำให้เกิด โรคซึมเศร้า โรคเครียด หรือ โรควิตกกังวลตามมาได้
3. ความสัมพันธ์ทางจิตใจ (Mental intimacy)
เป็นการเชื่อมต่อด้านความคิดและความเข้าใจ เป็นการแบ่งปันเผยความเป็นตัวตนที่แท้จริงให้กับคู่ชีวิต เผยความนึกคิด ความเชื่อศรัทธา การให้ค่า การเห็นคุณค่า แบ่งปันกัน เห็นอกเห็นใจกัน รับฟังกันและกันช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นมิตรแท้ของกันและกันทั้งในยามสุขและยามมีภัย เพื่อร่วมกันสร้างและสานต่อความฝันเป้าหมายให้สำเร็จร่วมกัน เป็นพื้นฐานการสร้างความมั่นคงด้านจิตใจและอารมณ์
4. ความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ (Spiritual intimacy)
การเชื่อมต่อกันด้านจิตวิญญาณ และความเชื่อทางศาสนา การที่ทั้งคู่มีศาสนาอยู่ในใจจะช่วยทำให้การรักษาสัมพันธภาพมีความแข็งแรงและแน่นแฟ้นมากขึ้น เกิดแรงใจในความมุ่งมั่นศรัทธาต่ออุปสรรคในชีวิตคู่ที่ต้องเผชิญและช่วยให้ทั้งคู่มีพันธะสัญญาต่อกันในเรื่องความซื่อสัตย์ไม่ทรยศหักหลังคนที่ร่วมสร้างชีวิตด้วยกันมา ดังนั้นการเชื่อมต่อด้านจิตวิญญาณจึงประกอบไปด้วยมุ่งมั่น ความศรัทธา เป็นการรักษาสมดุลย์ให้กับชีวิตคู่ในยามที่ต้องเผชิญกับความทุกข์และความยากลำบากด้วยกัน ดังนั้นจึงควรฝึกฝนการสวดภาวนาร่วมกัน ทำสมาธิร่วมกับและฝึกจิตใจให้สงบร่วมกัน เพื่อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตคู่ที่มีความหมายและเป็นเหมือนเข็มทิศที่จะนำทางชีวิตคู่หากต้องเจอสิ่งร้ายๆที่ไม่คาดฝัน
เทคนิคการบ่มเพาะความสัมพันธ์มีอะไรบ้าง?
การสร้างและรักษาสัมพันธภาพในชีวิตคู่ให้แนบแน่นนั้นต้องอาศัยระยะเวลาและความอดทน การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของทั้งคู่และความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญ และแน่นอนการบมเพาะความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน แต่ผลลัพธ์ของความพยายามและความอดทนย่อมให้รางวัลที่คุ้มค่ากับชีวิตคู่อย่างแน่นอน
คำแนะนำในการบ่มเพาะสัมพันธภาพในชีวิตคู่ที่เราสามารถนำไปปรับใช้ได้มีดังนี้
1. ให้ความสำคัญกับการฉลองความสำเร็จ
แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย ให้แสดงออกเป็นคำพูดหรือการกระทำที่เป็นการชื่นชมในสิ่งดีๆ ที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งนั้นมีคุณค่าและมีความหมายกับชีวิตคู่ของเรา
2. เปิดใจกับความรู้สึกที่แท้จริง
และพูดสื่อสารออกมาด้วยความจริงใจว่าเราคาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์ของชีวิตคู่
3. สร้างบรรยากาศและโอกาส
ในการอยู่ด้วยกันสองต่อสองในทุกวัน ถึงแม้อุปสรรคเรื่องลูก และเรื่องงานจะเข้ามารบกวนและควรต้องหาเวลาและวางแผนในการใช้เวลาร่วมกันให้ได้ เช่นอาจจะเป็นตอนลูกๆเข้านอนแล้ว หรือหลังทำงานเสร็จแล้วช่วงค่ำ พยายามจัดเวลาด้วยกันให้ได้ในทุกวัน
4. ทำความเข้าใจว่าชีวิตคู่ไม่ได้ราบลื่นในทุกวัน
ชีวิตมีขึ้นมีลง ควรหาวิธีในการสร้างสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดในรูปแบบอื่นด้วย และควรใช้เวลาด้วยกัน หรือ ไปออกเดทกันอีกครั้งบ่อยๆ
5. มองบวกและพอใจในสัมพันธภาพชีวิตคู่ที่เรามี
6. ตระหนักในเรื่องของสัมพันธภาพชีวิตคู่ที่ต้องพลัดกันเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ
การมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธชีวิตคู่ดีอย่างไร?
จำไว้ว่าชีวิตคู่มีขึ้น-มีลง บางครั้งเราอาจต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ปัญหาได้ผ่านพ้นไป และเพื่อฟื้นฟูความรู้สึก นึกคิดและจิตใจและเป็นการเติมเต็มสัมพันธภาพชีวิตคู่
เป้าหมายของการให้บำบัดด้านชีวิตคู่และชีวิตแต่งงานนั้นก็เพื่อให้คนทั้งคู่ได้พัฒนาวิธีการและทักษะในการสื่อสารให้เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง เพราะการสื่อสารเป็นตัวแปรหลักในความเข้าใจและการเชื่อมต่อด้านการสานสัมพันธ์ด้านอื่นๆตามมา
หากทั้งคู่มีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจหรือแย่มากๆ ก็จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อด้านจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด ด้านจิตวิญญาณ ทำให้ไม่สามารถที่จะพัฒนาความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง หรือมีความเชื่อศรัทธาที่จะเชื่อมโยง หรือการสานต่อความใกล้ชิดด้านอื่นๆต่อไปได้
ดังนั้นหากพบว่าการสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้สัมพันธภาพชีวิตคู่แย่ลง อย่ารอช้าจนทำให้ปัญหาบานปลายควรนัดปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ก่อนจะสายเกินแก้
อ้างอิง
https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/relationships-creating-intimacy
https://www.google.com/search?q=How+couples+therapist+help&sca_esv=582932903&sxsrf=AM9HkKk9vuVmgT2LPdytIlOSwlJnzo6pEQ%3A1700125876188&ei=tNxVZaWFC4j5seMPw-KfuAg&ved=0ahUKEwilr7G3lsiCAxWIfGwGHUPxB4cQ4dUDCBA&uact=5&oq=How+couples+therapist+help&gs_lp=Egxnd3Mtd2l6LXNlcnAiGkhvdyBjb3VwbGVzIHRoZXJhcGlzdCBoZWxwMgYQABgWGB4yBhAAGBYYHjIIEAAYigUYhgMyCBAAGIoFGIYDMggQABiKBRiGA0jH1NcBULaK1wFYo9LXAXAHeAGQAQCYAYICoAHvHqoBBjIuMjguMbgBA8gBAPgBAagCFMICChAAGEcY1gQYsAPCAgcQIxjqAhgnwgIREAAY4wQY6QQY6gIYtALYAQHCAhkQLhgDGI8BGOUCGNQCGOoCGLQCGIwD2AECwgIWEAAYAxiPARjlAhjqAhi0AhiMA9gBAsICBRAAGIAEwgIEEAAYHsICBxAAGBMYgATCAhAQLhgTGIAEGMcBGK8BGI4FwgIGEAAYBRgewgIHECMYigUYJ8ICBBAjGCfCAgcQABiKBRhDwgILEAAYgAQYsQMYgwHCAg4QLhiKBRixAxiDARjUAsICDhAuGIoFGLEDGMcBGNEDwgIFEC4YgATCAhEQLhiKBRixAxjHARivARiOBcICERAuGIMBGMcBGLEDGNEDGIAEwgIIEAAYgAQYsQPCAgcQABiABBgKwgIgEC4YgwEYxwEYsQMY0QMYgAQYlwUY3AQY3gQY4ATYAQPCAgoQABiKBRixAxhDwgINEAAYigUYsQMYgwEYQ8ICCxAuGIoFGLEDGIMBwgIIEC4YgAQYsQPCAggQLhiABBjUAsICCBAAGMsBGIAEwgIIEC4YywEYgATCAggQABgWGB4YCsICCBAAGBYYHhgPwgIHEAAYDRiABMICCBAAGAgYHhgNwgIFECEYoAHCAggQIRgWGB4YHeIDBBgAIEGIBgGQBgi6BgYIARABGAG6BgYIAhABGAu6BgYIAxABGBQ&sclient=g
https://www.marriage.com/advice/intimacy/https://www.marriage.com/advice/intimacy/how-important-is-intimacy-in-a-relationship/