6147 จำนวนผู้เข้าชม |
เตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องมาพบนักจิตวิทยา?
อะไรคือ3 สิ่งที่ต้องรู้?
Better Mind Mental Health Service Thailand
โดยทีมนักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ นักจิตบำบัด และนักจิตวิทยาคลินิคผู้ชำนาญการ
เป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนมีโอกาสที่จะเจ็บป่วย อ่อนแอ ด้านจิตใจ เหมือนที่เรามีอาการเจ็บป่วยด้านร่างกายภายนอก ดังนั้นการไปพบนักจิตวิทยาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด แต่เพื่อทำให้จิตใจของเราหายเป็นปกติ แข็งแรงขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การได้รับการดูแลจากนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญหรือการมาปรึกษานักจิตวิทยาในการทำบำบัดด้านจิตใจเป็นการช่วยให้เราสามารถฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาเข้มแข็งและรักษาสมดุลย์ชีวิตให้ดีขึ้นได้ การมาปรึกษานักจิตวิทยาทำให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกแนวทางมากกว่าการหลงทางติดอยู่วิธีคิดเดิมๆที่หาทางออกไม่ได้ หรือลองผิดลองถูกทำให้เสียเวลา การมาพบนักจิตวิทยานอกจากจะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาด้านสุขภาพจิตลุกลามบานปลายส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายแล้วยังช่วยให้เราสามารถรักษาสมดุลย์ด้านอารมณ์และสัมพันธภาพกับคนรอบข้างไนระยะยาวได้อีกด้วย
การมาพบนักจิตวิทยา หรือนักจิตบำบัดช่วยให้เราเข้าใจกลไกการทำงานด้านจิตใจที่ส่งผล กระทบต่อสมองและความทรงจำ การปรึกษาเชิงจิตวิทยามักเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและความคิดที่มีสาเหตุมาจากภาวะทางจิตใจ
การมาพบนักจิตวิทยาสามารถช่วยเหลือผู้คนในด้านการรักษาสมดุลย์ด้านจิตใจ ปัญหาสัมพันธภาพกับคู่รัก ครอบครัว นักจิตวิทยาสามารถช่วยให้เราบรรเทาความทุกข์ใจ โดยเน้นแนวทางการลดความเครียด ความวิตกกังวลใจ ช่วยให้เราหลุดพ้นจากภาวะหวาดกลัว อาการซึมเศร้า ทำให้เรามีทัศนคติมุมมองที่เปลี่ยนไปในทางบวก มีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากความคิดที่มองโลกด้านบวก นักจิตวิทยาช่วยให้การบำบัดดูแลด้านจิตใจให้คนโดยการใช้เทคนิคต่างๆ
บางครั้งในชีวิตคนเราอาจเจอกับเหตุการณ์บางอย่างที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เกิดเป็นความเครียดในเวลาต่อมา และอาจเกิดเป็นปมบาดแผลทางใจและหากเกิดบาดแผลทางใจในวัยเด็กมักจะส่งผลกระทบด้านจิตใจในวัยรุ่น อาจทำเรื่องเสี่ยงอันตรายหรืออาจเกิดความคิดที่จะฆ่าตัวตายได้ และหากก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่บาดแผลทางใจอาจส่งผลกระทบต่อความคิดการตัดสินใจการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง
อย่างไรก็ตามการไปพบนักจิตวิทยาครั้งแรก อาจทำให้หลายคนกังวลและประหม่าดังนั้น การเตรียมตัวดังต่อไปนี้อาจช่วยเราคลายความกังวลได้
1. ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง และ พูดความจริง
การเตรียมใจให้พร้อมก่อนมาพบนักจิตวิทยาเป็นเรื่องที่ดี การที่เราได้ตัดสินใจมาปรึกษานักจิตวิทยาในเรื่องที่ส่งผลกระทบด้านจิตใจ เพื่อการใช้ชีวิตให้มีความสุขนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ และถือว่าเรามีความกล้าหาญที่จะปกป้องดูแลจิตใจของตนเองและใส่ใจที่จะดูแลความรู้สึกของตนเอง
ในการมาพบนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่าหลายคนอาจกังวลและไม่คุ้นเคยกับการเล่าปัญหาให้นักจิตวิทยาฟังก็ตาม แต่เราควรทำความเข้าใจว่านักจิตวิทยา และนักจิตบำบัดนั้นใส่ใจที่จะรับฟังปัญหาของเราเพื่อหาทางช่วยเหลือเราอย่างเข้าใจ และนักจิตวิทยาเป็นผู้รับฟังที่ดี โดยไม่ตัดสินเรากับเหตุการณ์ที่เราเล่าให้ฟัง แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านเข้ามาในชีวิตและมีผลกระทบกับเรามากมายแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นการเล่าปัญหาความกังวลใจในเรื่องที่เกิดขึ้นให้นักจิตวิทยาฟังจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราสบายใจขึ้น และควรบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้นักจิตวิทยาฟังเพื่อเป็นการช่วยให้ง่ายต่อการรักษาดูแลจิตใจให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
หลายคนเข้าใจผิดว่านักจิตวิทยาเป็นผู้ที่อ่านใจคนได้ทะลุปรุโปร่ง หรือเข้าใจผิดว่านักจิตวิทยาเป็นผู้วิเศษที่ล่วงรู้เหตุการณ์ของเราโดยไม่ต้องเล่าอะไรเลยแค่มองหน้าเฉยๆ อันนี้อาจไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้อง
เพราะถึงแม้นักจิตวิทยาจะมีความเชี่ยวชาญด้านการมองลักษณะของคนและวิเคราะห์ปัญหาด้านจิตใจที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าคนทั่วไปเพราะทั้งผ่านการการอบรมฝึกฝน และประสบการณ์ของการเจอเคสผู้มารับบริการมากมาย แต่การมาพบนักจิตวิทยาเพื่อให้ช่วยดูแลบำบัดด้านจิตใจ เราจำเป็นต้องให้ข้อมูลที่เป็นความจริงเพื่อประโยชน์ต่อการช่วยประเมินปัญหา และการแนะนำวิธีรับมือกับปัญหาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนั้นยังช่วยให้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่ายอีกด้วย
เมื่อมาปรึกษานักจิตวิทยาการบอกความรู้สึก และความคาดหวังของตนเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้มารับบริการเอง และควรเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้นักจิตวิทยาฟังอย่างตรงไปตรงมาเพื่อการวินิฉัยที่ถูกต้องและการช่วยเหลืออย่างดีที่สุด
บอกความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของตัวเอง เพื่อนักจิตวิทยาจะได้หาหนทางและแนะนำได้ว่ามันดีหรือไม่ดี เหมาะกับเราหรือไม่อย่างไร และหากกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวในข้อมูลที่ให้ไป กลัวว่าจะถูกนำไปเผยแพร่ หรือเปิดเผยสู่สาธารณะขอให้สบายใจได้ว่านักจิตวิทยาเป็นผูัผ่านการฝึกอบรม และยึดมั่นในการรักษาความลับของผู้มารับบริการปรึกษาด้านจิตวิทยาเป็นหัวใจหลัก
นักจิตวิทยายึดถือหลักคุณธรรมและจริยธรรม ปฎิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพของนักจิตวิทยา และระมัดระวังในเรื่องการเสียชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือต่อการปฎิบัติงานด้านจิตวิทยาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเราสามารถวางใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวนั้นจะไม่ถูกเปิดเผย และถือเป็นความลับสูงสุด นักจิตวิทยาจะใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการวินิฉัยวิเคราะห์ และช่วยเหลือผู้มารับบริการด้านจิตใจให้ดีที่สุดเท่านั้น
2. หากเกิดความสงสัยในกระบวนการบำบัดด้านจิตวิทยาควรสอบถาม
ในครั้งแรกของการพบนักจิตวิทยา ผู้รับบริการจะได้รับคำถามมากมาย จากนักจิตวิทยา เพื่อทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุและผลประกอบที่ตามมา หลังจากเข้าสู่กระบวนการทางจิตวิทยา หากผู้รับบริการมีคำถามหรือข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการให้การปรึกษาจากนักจิตวิทยาก็ควรสอบถามนักจิตวิทยา อย่าลืมว่านักจิตวิทยามาเพื่อช่วยเรา และจะไม่ตัดสินเรา ในกระบวนการให้คำปรึกษาจะมีขั้นตอน และทักษะเฉพาะของวิชาชีพเพื่อช่วยให้เราดีขึ้น หากเราสงสัยในขั้นตอนใดหรือไม่เข้าใจในกระบวนการบำบัด เราสามารถถามนักจิตวิทยาได้โดยตรงเพื่อประโยชน์สูงสุดในการทำงานร่วมกันกับนักจิตวิทยา และเป็นการให้ความร่วมมือกับนักจิตวิทยาในการนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเรา
3. ปฎิบัติตามคำแนะนำ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยา ที่จะส่งผลต่อการรักษาให้มีประสิทธิภาพ เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านบวกกับชีวิต และประสบผลสำเร็จในการมาปรึกษานักจิตวิทยาได้นั้นคือการที่ผู้รับบริการต้องพร้อมที่จะลงมือปฎิบัติเพื่อการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องให้ความร่วมมือกับนักจิตวิทยาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เพื่อลดผลกระทบด้านจิตใจที่เกิดขึ้น และเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
หลังจากจบกระบวนการให้คำปรึกษาในแต่ละครั้งเราต้องมีวินัยกับตัวเองและพร้อมที่จะแก้ไขมันอย่างจริงจัง การมาปรึกษานักจิตวิทยาเป็นการช่วยเหลือด้านจิตใจซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนมีความซับซ้อนของปัญหาที่แตกต่างกันดังนั้นระยะเวลาในการในการฟื้นฟูจิตใจจึงต่างกัน เทคนิควิธีการบำบัดทางด้านจิตวิทยาในแต่ละคนก็อาจได้รับไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ความคาดหวังในการบำบัดรักษาด้านจิตใจก็ควรอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงด้วยเช่นกัน อย่าลืมว่าปัญหาที่สั่งสมมานานนับปีหรือความเจ็บป่วยด้านจิตใจที่ทุกข์ทรมานมาแรมปีอาจต้องใช้เวลาในการเยียวยาการคาดหวังให้เราหายดีเป็นปกติในชั่วข้ามคืนอาจเป็นการคาดหวังที่เกินความเป็นจริง
อย่างไรก็ดีการมาพบนักจิตวิทยาเป็นครั้งแรกอาจมีเรื่องให้ต้องกังวลแต่เมื่อจบกระบวนการรักษาเราจะการมาพบนักจิตวิทยาสามารถช่วยทำให้เราผ่านพ้นจากจุดที่เป็นปัญหานั้นและสามารถทำให้เราเติบโตจากสิ่งที่เคยเป็นปัญหาและสามารถก้าวต่อไปในการแก้ไขปัญหาชีวิตได้
ซึ่งกระบวนการจิตบำบัดของนักจิตวิทยานั้นจะไม่เหมือนกับไลฟโค้ช และการทำงานของนักจิตวิทยาจะแตกต่างจากไลฟโค้ชอย่างสิ้นเชิง นักจิตวิทยาจะไม่พยายามที่จะเปลี่ยนชีวิตของเราจากหน้ามือเป็นหลังมือแต่จะเคารพในการเลือกและตัดสินใจในชีวิตที่เราเป็นอยู่ รับฟัง และเพิ่มกำลังใจสร้างเสริมสิ่งที่เรามีประสบการณ์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในขอบเขตที่มั่นใจว่าเรามีความปลอดภัย โดยให้เราได้เข้าใจอย่างท่องแท้ถึงสิ่งที่เป็นและปัญหาที่เกิดขึ้นและสามารถเข้าถึงแก่นแท้ในการแก้ปมต่างๆอย่างเข้าใจโดยเราเป็นผู้แก้ปมเองจากแรงการสร้างพลังใจและให้ความรู้อย่างถูกทางของนักจิตวิทยา
มนุษย์นั้นจะสามารถเติบโตและแข็งแกร่งด้านจิตใจมากขึ้นก็เกิดจากประสบการณ์ที่เคยถูกกระทบด้านจิตใจและผ่านพ้นมาได้อย่างไม่มีปมค้างคาในใจ อย่างไรก็ตามความอ่อนไหวของผลกระทบนั้นต้องอยู่ในระดับที่เรานั้นสามารถควบคุมมันได้และมีพื้นที่ที่สามารถฝึกฝน ฟื้นฟู ให้กลับมาแข็งแรงขึ้นด้วยการยอมรับและเข้าใจตัวเองในสิ่งที่เกิดขึ้น
หากเราสามารถเข้าใจและมองเห็นสิ่งที่มากระทบกระเทือนจิตใจและรับรู้ต่อผลของมันและได้รับการฟื้นฟูจิตใจจนสามารถกลับมาอยู่ในสภาวะปกติได้แล้วนั้น เราถึงจะได้เรียนรู้และเติบโตจากผลกระทบอันอ่อนไหวนั้นได้ และจะสามารถทำให้ชีวิตก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นและสิ่งนี้จะอยู่อย่างคงทนและถาวร
ดังนั้นนอกจากการเตรียมตัวมาพบนักจิตวิทยาแล้ว การตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงในการรับบริการด้านจิตวิทยาจากนั้นจิตวิทยานั้นก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน หวังว่าแนวทางนี้จะมีประโยชน์ ต่อผู้อ่านที่กำลังเตรียมตัวมาพบนักจิตวิทยา หรือ ผู้ที่วางแผนว่าจะมาพบนักจิตวิทยาไม่มากก็น้อย ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงานนักจิตวิทยาของ BetterMind Thailand
หากสนใจรายละเอียดด้านจิตวิทยาการปรึกษา และ การบำบัดด้วยเทคนิคด้านจิตวิทยา หรือแบบทดสอบทางจิตวิทยา สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0831206556 และ
ไลน์ไอดี : bettermind.th
ที่มา :