ภาวะ PTSD หลังเหตุกราดยิง
กับ
วิธีดูแลสุขภาพจิตวัยรุ่น?
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D)
Dr. Marid Kaewchinda
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นักจิตบำบัด EMDR Psychotherapy/ Brainspotting Psychotherapy Practitioner
สังคมปัจจุบันมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำรุนแรง ทำร้ายร่างกายผู้อื่นหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างเหตุกราดยิงในที่สาธารณะ และมีเยาวชนเป็นผู้กระทำผิด รวมทั้งผู้พบเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์ก็เป็นเยาวชนด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบด้านจิตใจต่อผู้ร่วมเหตุการณ์ในเวลานั้นเป็นอย่างมาก รวมทั้งต้องคอยดูแลสภาพจิตใจของผู้ประสบเหตุในเวลาต่อมาอีกด้วย
เหตุการณ์สะเทือนจิตใจที่เกิดกับเยาวชนผู้บริสุทธิ์ มีผลกระทบที่รุนแรงทั้งความหวาดกลัว หวาดระแวงวิตกกังวลจากการหนีตายเอาตัวรอด และถึงแม้รอดตายมาได้ก็ยังส่งผลกระทบด้านจิตใจอยู่ดี
เมื่อเหตุการณ์สงบลงสิ่งที่ทิ้งไว้ย่อมเป็นปมความทรงจำอันเลวร้ายที่ทำให้ขวัญผวา หรือเป็นภาวะอาการของ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) ที่ทำให้เกิดความหวาดระแวง กลัวจนตัวสั่น หรือเกิดความหวาดกลัวภายในใจเมื่อเจอตัวกระตุ้น ส่งผลต่อภาวะเครียด หงุดหงิดง่าย ภาวะทางจิตใจถูกรบกวนในระยะยาวหากไม่ได้รับการดูแลหรือการแก้ไขจัดการ
เหตุการณ์สะเทือนขวัญส่งผล อย่างไรกับวัยรุ่นเยาวชนของเรา
ผู้อยู่ในเหตุการณ์ไม่ว่าจะประสบเคราะห์กรรมเป็นเหยื่อ โดนลูกหลงด้วยตัวเอง หรือพบเห็นผู้อื่นถูกกระทำ ย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจทั้งทางตรงและทางอ้อม
อาการที่แสดงออกอาจมีดังนี้
1. ปัญหาด้านการนอน นอนไม่ได้ หลับยาก
2. ฝันร้าย
3. รู้สึกสับสน เสียใจ โกรธ หวาดกลัวว่าเหตุการณ์ซ้ำเดิมจะเกิดขึ้นอีก
4. รู้สึกหงุดหงิดง่าย หวาดระแวงถึงความปลอดภัย
5. ไม่สนใจในสิ่งที่เคยมีความสำคัญกับชีวิต
6. ปวดหัว ปวดท้อง ไม่อยากอาหาร
งานวิจัยรายงานว่าเหตุกราดยิงมักส่งผลต่อสุขภาพจิตใจในเวลาต่อมา และในวัยรุ่นอาจทำให้เกิดปมบาดแผลทางใจ หรือ PTSD ซึ่งในเวลาต่อมาอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้จัดการอย่างไรกับภาวะเครียด และความวิตกกังวลหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ1. ให้เวลากับตัวเองในการฟื้นฟูจิตใจความรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล อาการหวาดระแวงอาจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ให้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น และหาวิธีผ่อนคลายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและร่างกาย2. ดูแลเรื่องจิตใจก่อนให้ความใส่ใจในการแก้ไขความรู้สึกกังวล หรือภาวะเครียดที่มีอยู่ ให้เชื่อมั่นตัวเองในการจัดการ หรือรับมือกับภาวะต่างๆ ทางจิตใจให้ได้ กินอาหารที่มีประโยชน์และพยายามคิดบวกจะสามารถช่วยสร้างresilience หรือการฟื้นฟูจิตใจได้3. มองหาความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฟื้นฟูจิตใจที่เกิดปมบาดแผลได้ด้วยตัวเอง การดูแลจิตใจด้วยตัวเองเพียงลำพังอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นบาดแผลทางที่เกิดจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญและความรุนแรงอาจต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการทำบำบัดและเรียนรู้เทคนิคการฟื้นฟูสภาวะทางจิตใจให้กลับมามีสมดุลย์ที่เป็นปกติดังเดิม ในปัจจุบันการทำจิตบำบัด EMDR หรือ Brainspotting สามารถช่วยแก้ไขภาวะ PTSD จิตบำบัดทั้งสองแบบเป็นการทำงานตรงจุดในการรักษาภาวะPTSD ที่มีประสิทธิภาพในระยะเวลาอันสั้นเมื่อเทียบกับการทำบำบัดแบบtalk-therapy4. เชื่อมโยงกับสัมคมการได้พูดคุยแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นให้สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนินถือเป็นสิ่งสำคัญในการได้รับการสนับสนุนด้านจิตใจ และหากเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติครอบครัวก็จะได้จับสังเกตุและสามารถหาความช่วยเหลือประสานผู้เชี่ยวชาญได้ทันถ่วงที5. หยุดเสพสื่อชั่วคราวเป็นปกติที่หลังเกิดเหตุการณ์ ข่าวทุกช่องมักเผยแพร่ออกสื่อ นั้นยิ่งสร้างความสะเทือนใจและส่งผลต่อความเครียดและยิ่งส่งผลต่อภาวะอาการ PTSD ดังนั้นเราควรต้องออกห่างหรือหยุดรับข่าวสารของเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นไประยะหนึ่งเพื่อเป็นการลดความเครียด 6. แบ่งปันความรักในขณะที่สังคมมีแต่ความเกลียดชังเราสามารถทำให้สังคมดีขึ้นด้วยการมีส่วนร่วมอาจไปช่วยเป็นจิตอาสาให้กับผู้ประสบชะตากรรมเดียวกัน ออกไปช่วยเหลือให้การสนับสนุนผู้คนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญเหมือนกันกับเราเพื่อทำให้จิตใจเราได้รับการเยียวยา
ข้อคิดด้านสังคม
เหตุกราดยิงในที่สาธารณะที่เกิดขึ้นได้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปจากคนที่รัก และครอบครัวอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โดยผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน เราอาจต้องตั้งคำถามกลับไปยังสังคมว่าเกิดอะไรขึ้นกับปัญหาด้านสุขภาพจิตของเยาวชนของเรา ในขณะที่เรากังวลถึงความปลอดภัยและเป็นห่วงสภาพจิตใจของผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ แต่เราก็ยังเผยแพร่สื่อแบบไม่หยุดหย่อนโดยไม่มีลิมิต สื่อที่เผยแพร่อย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบด้านความวิตกกังวลและความเครียดต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดซ้ำในอนาคต การเสพสื่อส่งผลต่อภาวะซึมเศร้า และบาดแผลทางใจ นอกจากนี้ข่าวเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายในต่างประเทศด้วยเช่นกัน ก็ส่งผลต่อความเครียด ความกังวลต่อภาวะทางจิตใจด้านและความปลอดภัยของคนในสังคมโดยเฉพาะเยาวชน
ในทำนองเดียวกันการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ผู้รอดชีวิตเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ การให้ความรู้กับพ่อแม่ผู้ปกครองในการดูแลเลี้ยงดูบุตรหลานและการร่วมมือกับชุมชน หน่วยงานภาครัฐในการดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งการเข้าถึงอาวุธ และอุปกรณ์อันตรายต่างๆ ของเยาวชน และผู้มีความบกพร่องด้านภาวะทางจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีมาตรการที่รัดกุมและเคร่งครัด เราทุกคนในสังคมล้วนเกี่ยวข้อง และควรรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการร่วมมือช่วยกันแก้ไข
อ้างอิง:
https://www.psychologytoday.com/intl/blog/democratizing-mental-health-care/202211/how-mass-violence-affects-teen-mental-health
https://www.police1.com/active-shooter/articles/is-there-a-valid-psychosocial-explanation-for-school-shootings-D9ixuj3FVIjvPpDu/
https://www.livescience.com/25666-mass-shooting-psychology.html