8 วิธีซ่อมใจเมื่ออกหัก

881 จำนวนผู้เข้าชม  | 

8 วิธีซ่อมใจเมื่ออกหัก

8 วิธีซ่อมใจเมื่ออกหัก

ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner

 


อาการอกหักนั้นสร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเกินจะบรรยายในบางคน แต่อย่างไรก็ตามประสบการณ์อกหักนั้นเราสามารถซ่อมแซมใจให้ดีขึ้นได้ หากเราเรียนรู้และเข้าใจกระบวนการฟื้นฟูด้านจิตใจ

การเยียวยาจิตใจและซ่อมแซมจิตใจเมื่ออกหักนั้นต้องอาศัยเวลา และให้ความใจดี มีเมตตากับตัวเอง (Self-compassion) เข้าใจตัวเองในวันที่ผิดหวัง ท้อแท้ เสียใจ ล้มเหลว โดยไม่วิพากวิจารณ์ โทษตัวเอง หรือเมินเฉย และละเลยต่อความรู้สึกเจ็บปวดที่เรานั้นกำลังเผชิญอยู่

ทำไมเวลาอกหักเราถึงเจ็บปวดมากมาย?

อาการอกหักเป็นประสบการณ์ชีวิตรูปแบบหนึ่งเหมือนการสูญเสียสิ่งของหรือบุคคลอันเป็นที่รัก และโดยธรรมชาติของมนุษย์เมื่ออกหักหรือเกิดการสูญเสียก็อยากจะแก้ไขอะไรบางอย่างให้สถานการณ์กลับมาดีเหมือนเดิม แต่การจะแก้ไขหรือเยียวยาใจให้ดีขึ้นได้เราต้องเข้าใจความเจ็บปวดที่มี และมีพื้นที่ให้กับจิตใจในการพักฟื้นรักษาตัวเองจากประสบการณ์นี้ก่อน

เมื่อเราเข้าใจถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่มี ความสูญเสีย และขั้นตอนกระบวนการในการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ เราจึงจะสามารถช่วยตัวเองให้พ้นจากความทุกข์ทรมานในสถานการณ์นี้ได้

 



การเรียนรู้ความแตกต่างในแต่ละระยะขั้นตอนเมื่ออกหัก รวมทั้งเรียนรู้และเข้าใจอารมณ์ในแต่ละช่วง บวกกับความท้าทายที่ต้องเผชิญในการผ่านพ้นอุปสรรคในแต่ละช่วงเพื่อช่วยให้เราได้หาจุดสมดุลย์และกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ต่อไป

อย่างไรก็ตามในแต่ละคนประสบการณ์และความรู้สึกอาจแตกต่างกันไป และอาจไม่เป็นไปตามลำดับ แต่อย่างน้อยแนวทางดังกล่าวอาจช่วยให้เราได้กลับมาห่วงใยความรู้สึกของตัวเองและตระหนักรู้ภาวะจิตใจของตัวเองได้

 

5 ระยะของผลกระทบจากอาการอกหักมีอะไรบ้าง?

1.   ระยะปฎิเสธ

ในขั้นตอนนี้สมองยังไม่ได้รับการจัดการให้ดำเนินการใดๆ เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ปฎิกิริยาในการตอบสนองในทันทีคือปฎิเสธ ซึ่งเป็นกลไกการปกป้องตัวเอง บางคนอาจรับรู้ถึงอาการช็อค ทำอะไรไม่ถูก

2.  รูัสึกโกรธ และกล่าวโทษ

เมื่ออาการช็อคเริ่มลดระดับลงมักจะแทนที่ด้วยความโกรธ หงุดหงิด สับสนไม่เข้าใจ และนำสู่การโทษตัวเอง หรือกล่าวโทษอีกฝ่ายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นกลไกลการแก้ไขจัดการด้านอารมณ์ของมนุษย์เมื่อเกิดการสูญเสีย

3.   ยื้อเวลา

ในระยะนี้เราจะรู้สึกว่าต้องการหาคำตอบและวิธีการและมีความปรารถนาที่จะได้กลับมาสานสัมพันธ์กันต่ออีก มีจิตนาการในสัมพันธภาพที่ไปต่อและดีต่อกัน

4.   ระยะซึมเศร้าและแยกตัว

ระยะนี้จะเป็นระยะที่กินเวลานานที่สุด เมื่อตระหนักและรับรู้ถึงความเป็นจริงที่ไม่สามารถไปต่อและต้องสูญเสียคนรักจริงๆ สมองจะรับรู้ถึงความเศร้าจนไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ในบางคน และส่วนใหญ่จะแยกตัวออกจากสังคม หรือไม่อยากทำกิจกรรมที่เคยชอบ เริ่มแสดงออกมากขึ้นถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต

5.   ยอมรับและฟื้นฟู

อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มตระหนักรู้และอยากแก้ไขสภาพจิตใจให้ดีขึ้น คนเราจะเริ่มดิ้นรนหาหนทางในการหลีกพ้นสภาพความทุกข์ทรมานที่เป็นอยู่

จากนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับและปล่อยวาง เมื่อเกิดการยอมรับว่ามีการสูญเสียเกิดขึ้นโดยธรรมชาติมนุษย์จะเริ่มต้นเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูจิตใจ

การยอมรับทำให้เกิดการปล่อยวางอดีต ทำให้ชีวิตเริ่มก้าวต่อไปข้างหน้าได้ การปล่อยว่างจะเกิดจากการให้อภัยตัวเองและผู้อื่น เมื่อยอมรับ ปล่อยวางและให้อภัยผู้อื่นก็จะทำให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง

 

การเยียวยาจิตใจเมื่อเวลาอกหักนั้นต้องอาศัยระยะเวลา และความเมตตาเห็นอกเห็นใจตัวเอง ที่สำคัญอาจต้องอดทนกับความเหงาโดดเดี่ยว

อย่างไรก็ตามไม่ควรกลัวที่จะหาความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนด้านจิตใจจากนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด หรือจากคนในครอบครัว คนที่รักรอบข้าง หรือใช้หลักการเทคนิคในการดูแลจิตใจให้ตัวเอง ฝึกฝนการทำ self care เพื่อให้จิตใจได้ฟื้นคืนสู่สภาวะที่เป็นปกติและกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง



 

8 วิธีเยียวยาใจเมื่ออกหัก

1.  ให้เวลาตัวเองกับความเสียใจ

ให้เวลากับความสูญเสียในสัมพันธภาพที่เคยมี เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเศร้า โกรธ หรือ มีอารมณ์สับสนต่างๆ เกิดขึ้น จงเรียนรู้และเข้าใจมันและไม่ควรโทษตัวเอง หรือตัดสินใคร มันเป็นกระบวนการฟื้นฟูทางจิตใจ และไม่ควรรีบเริ่มต้นสัมพันธภาพใหม่กับใครในทันทีหลังอกหัก แต่ควรให้เวลากับความรู้สึกเสียใจของตัวเอง ดูและใส่ใจสภาพจิตใจตัวเองก่อน

2.  มองหาคนช่วยสนับสนุนด้านจิตใจ

ควรอยู่กับคนที่คอยให้การสนับสนุนด้านจิตใจ ครอบครัว เพื่อนสนิท หรือมาพบพูดคุยกับนักจิตวิทยา หรือนักจิตบำบัด เพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกทาง

3.  ฝึกฝนเทคนิคการดูแลตัวเอง

ให้เวลากับตัวเอง หมั่นดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ให้กำลังใจตัวเองในการออกไปทำกิจกรรมที่ดีต่อจิตใจ

การฝึกฝนเทคนิคการดูแลตัวเอง ควรเสริมด้วยการทำสมาธิ สงบจิตใจ จะช่วยให้เราสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านร่างกาย อารมณ์และจิตใจควบคู่กันได้เป็นอย่างดี

4.   หมั่นรักษาสมดุลด้านร่างกายให้แข็งแรง

สร้างนิสัยการกินอยู่ และพักผ่อนให้เป็นปกติ ควรรักษาสุขภาพกายใจให้แข็งแรง รวมทั้งด้านอารมณ์ด้วย ควรหมั่นออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร   และน้ำหนัก และควรมีที่ปรึกษาด้านอารมณ์และจิตใจเพื่อได้รับการสนับสนุนด้านสุขภาพใจที่ดีสม่ำเสมอและเป็นปกติ

5.   หยุดการติดต่อกับแฟนเก่า

การฟื้นฟูสภาวะทางจิตใจเมื่อเกิดอาการอกหักนั้นจะไปได้ดีและไวหากให้เวลาและพื้นที่ส่วนตัวกับตัวเอง ควรมีระยะห่างในการติดต่อหากจำเป็น และควรหยุดติดต่อกันในระยะ 3 เดือนแรก เพื่อการฟื้นฟูจิตใจที่เร็วขึ้น

การกลับไปติดต่อกับแฟนเก่าจะเพิ่มความผูกพันกันมากขึ้น ดังนั้นจึงควรจำกัดการติดต่อกันและควรรักษาระยะห่างให้มากที่สุด

6.   โฟกัสไปที่เป้าหมายและความฝันของตัวเอง

เปลี่ยนความเศร้า เสียใจเป็นพลังพลักดันให้กับความฝันและเป้าหมายในชีวิต ให้จดจ่อในสิ่งที่ตัวเองต้องการในชีวิต การเติบโตในหน้าที่การงาน ตามหาสิ่งที่ต้องการ ทำตามความฝันเพื่อการเติบโตในอนาคตของตัวเองและมุ่งมั่นลงมือมันอย่างเต็มที่

7.    ฝึกเทคนิคสงบใจ

สนับสนุนและให้กำลังตัวเองในการทำสมาธิ ฝึกใจให้สงบ ฝึกฝนการหายใจ เข้า-ออก อยู่กับปัจจุบัน เป็นการเชื่อมโยงกับตัวเองและเป็นการตระหนักรู้ถึงภาวะทางอารมณ์ และหยุดพักจากความกังวลเพื่อผ่อนคลายใจ

8.   เตือนตัวเองว่าการฟื้นฟูจิตใจนั้นใช้เวลา

จงอดทน การเยียวยาและฟื้นฟูใจนั้นใช้เวลา พยายามให้แต่ละวันผ่านไปด้วยความรักและความเมตตาต่อตัวเอง เห็นใจตัวเอง เป็นช่วงเวลาการเยียวยาด้านจิตใจและดูแลสภาพจิตใจของตัวเอง ซึ่งระยะเวลาของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระดับความลึกซึ้งในความสัมพันธ์ ทักษะการแก้ไขปัญหาของแต่ละคน และการฟื้นฟูทางจิตใจมักขึ้นอยู่กับพื้นฐานแวดล้อมด้านจิตใจและการสนับสนุนด้านจิตใจจากครอบครัวและคนรอบข้างของแต่ละคน

อย่างไรก็ตามจงเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นในความรักว่ายังมีความรักที่ดีและงดงามรอเราอยู่เสมอ    และควรเปิดใจให้กับความรักครั้งใหม่เมื่อพร้อม และถึงเวลาที่เหมาะสม ให้เรารู้สึกขอบคุณในประสบการณ์ความรักที่เข้ามาเพื่อทำให้เราเติบโต ทุกประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นส่วนสำคัญที่นำพาเราไปถึงเป้าหมายของการเรียนรู้ทักษะชีวิตทำให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่งและกล้าเผชิญกับความท้าทายที่จะเข้ามาในอนาคตข้างหน้าได้เป็นอย่างดีและพัฒนาขึ้น


อ้างอิง
https://www.calm.com/blog/how-to-mend-a-broken-heart
https://psychcentral.com/blog/10-tips-to-mend-a-broken-heart
https://www.mindbodygreen.com/articles/ways-to-get-o

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้