71 จำนวนผู้เข้าชม |
5 กุญแจสำคัญในการบำรุงรักษาและ ซ่อมแซมสัมพันธภาพชีวิตคู่
ดร.มฤษฎ์ แก้วจินดา (Ph.D.)
นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
EMDR Psychotherapy Supervisor and Brainspotting Psychotherapy Practictioner
สัมพันธภาพในชีวิตคู่ เป็นเรื่องของการทุ่มเท เสียสละ และบ่มเพาะสัมพันธภาพที่ดีเพื่อรอวันที่จะได้เติบโต เปรียบเสมือนเจ้าของบ้านที่ต้องดูแลเอาใจใส่บ้านของตัวเอง ปกป้องรักษาใส่ใจทะนุบำรุงบ้านให้ดีอยู่เสมอเพื่อให้สมาชิกในบ้านสามารถอยู่อาศัยได้อย่างถาวรคงทน ยาวนาน
หากชีวิตคู่เกิดปัญหาหรือความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสเกิดการสะดุด อาจเป็นเวลาคนทั้งคู่ต้องกลับมาทบทวนว่าทักษะวิธีแก้ปัญหาในชีวิตคู่ของเราทั้งสองมาถูกทางหรือไหม
ทักษะและวิธีคิดแก้ปัญหาในการใช้ชีวิตคู่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่เกิดการสะดุด และสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้
ดังนั้น 5 ทักษะในการซ่อมแซม และยืดอายุความสัมพันธ์ชีวิตคู่มีดังนี้
1. มีประสิทธิภาพทางการสื่อสารโดยไม่เกิดความรุนแรง
ความสามารถด้านการสื่อสาร การอธิบายความต้องการของตัวเองได้อย่างชัดเจนโดยไม่เกิดความขุ่นเคืองให้กับอีกฝ่ายที่รับฟังนั้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อการสื่อสารในชีวิตคู่เป็นอย่างยิ่ง การที่อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ ไม่เห็นด้วย แต่เราก็ยังจะมุ่งเป้าที่จะแก้ปมประเด็นปัญหานั้นๆอยู่ อาจทำให้อีกฝ่ายเกิดความไม่พอใจและโต้กลับด้วยความโกรธ หรือปิดกั้นการรับฟังและไม่ให้ความร่วมมือจึงทำให้การบรรลุเป้าหมายไม่สำเร็จ
2. มีวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
การใช้ชีวิตร่วมกันอาจหลีกหนีไม่พ้นเรื่องความไม่ลงรอยที่อาจเกิดขึ้นบ้าง การสร้างสายใยรักหมั่นเติมเต็มความผูกพันเป็นจุดที่จะเชื่อมโยงคู่รักเมื่อเกิดปัญหา และควรหาจุดที่มีความเห็นที่ตรงกันและลงตัว ไม่ฉนั้นแล้วความขัดแย้งที่ไม่มีวิธีการจัดการที่ดีอาจสร้างความโกรธโมโห เจ็บช้ำน้ำใจ และอาจเกิดความเจ็บแค้นฝังใจ ดังนั้นหากไม่สามารถหาจุดการแก้ไขที่ตกลงกันได้ควรมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา หรือนักจิตวิทยา นักจิตบำบัดด้านความสัมพันธ์โดยไม่ควรปล่อยความขัดแย้งทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการแก้ไข
3. รู้จักให้เกียรติและเห็นอกเห็นใจกัน
หมั่นฝึกฝนความและพยายามทำความเข้าใจในมุมมองความคิดของอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง ทั้งความต้องการของเขา และข้อจำกัดของเขา และหมั่นรักษาน้ำใจเข้าอกเข้าใจ เห็นใจและปรารถนาดีต่อกัน ให้เกียรติและเคารพในการตัดสินใจของอีกฝ่าย
4. เป็นทีมเดียวกัน
การเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น ต้องอาศัยหลักการทั้งหมดที่กล่าวมาด้านบนรวมทั้งต้องมีทักษะอื่นที่สำคัญร่วมด้วยเช่น ความไว้ใจ ความเข้าใจในข้อดีข้อด้อยของอีกฝ่าย และเข้าใจข้อดีข้อเสียของตัวเองและแบ่งปันวิสัยทัศน์แก่กันและกัน ต้องมีทัศนคติที่ร่วมกันฝ่าฝันอุปสรรคด้วยกันไม่ใช่ตัวใครตัวมัน มีความสามัคคี ช่วยแบ่งเบาภาระงาน ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรือ การทำงานหาเงินรวมทั้งการเลี้ยงลูกและความรับผิดชอบต่อลูกด้วย
5. ให้พื้นที่ส่วนตัว
การมีพื้นที่ส่วนตัวก็เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตคู่ เพื่อป้องกันการขาดอิสรภาพในการที่ชีวิตร่วมกันและต้องไม่ให้อีกฝ่ายอึดอัด หรือรู้สึกว่าชีวิตต้องถูกผูกติดกันไปตลอดเวลาทุกที่ การให้พื้นที่ส่วนตัวช่วยให้ความสัมพันธ์มีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้นและช่วยลดตึงเครียดในสัมพันธภาพชีวิตคู่ได้
อย่างไรก็ตามการใช้ชีวิตคู่ให้ประสบความสำเร็จราบรื่นนั้นยังประกอบไปด้วยปัจจัยอีกมากมายแต่ที่สำคัญที่สุดหากมีปัญหาเกิดขึ้นต้องจัดการแก้ไขในทุกๆครั้ง อย่าปล่อยทิ้งไว้การพัฒนาทักษะด้านความสัมพันธชีวิตคู่นั้นเป็นการลงทุนระยะยาว การให้อภัยทำให้ปัญหาชีวิตคู่สามารถผ่านพ้นและก้าวต่อไปได้ ตรงกันข้ามความโกรธแค้นและต้องการเอาชนะจะทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น
การใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต้องเข้าใจและยอมรับกับความท้าทายในทุกช่วงระยะเวลาที่เปลี่ยนแปลงเช่น ช่วงเริ่มจีบกันใหม่ๆ ช่วงหลังแต่งงาน ช่วงเวลาหลังมีลูก เหล่านี้ทั้งคู่ต้องคอยปรับตัวและมีทัศนคติที่ดี มีความคาดหวังที่สามารถปรับให้สมดุลย์กับชีวิตคู่ได้เสมอเพื่อให้ความสัมพันธของชีวิตคู่ดำเนินต่อไปได้อย่างดี หากความสัมพันธ์ด้านชีวิตคู่เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตและไม่มีความสุขควรมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดชีวิตคู่เพื่อให้สัมพันธภาพชีวิตคู่ได้เติบโตและก้าวไปต่อได้
อ้างอิง
https://yellowchaircollective.com/cultivating-thriving-relationships-5-essential-skills-and-mindsets-for-maintenance-and-repair/